กาญจนบุรี - ลูกสาวเหยื่อกระสุนตำรวจ สภ.ด่านแม่แฉลบ กาญจนบุรี ยิงปะทะกับกลุ่มวัยรุ่น นำญาติเข้าร้องขอความเป็นธรรมและขอการคุ้มครองความปลอดภัยจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากโดนคู่กรณีข่มขู่
จากการที่เกิดคดี ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับชาวบ้านจนชาวบ้านดับ 1 และสาหัส 2 เหตุที่ ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ เมื่อคืนวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ขออนุมัติหมายจับสองผู้บาดเจ็บ พ่อ ลูกในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า มีอาวุธไว้ในครองครอง พกพาอาวุธในที่สาธารณะ ยิงปืนในที่สาธารณนะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนฝ่ายตำรวจกำลังพิจารณาในประเด็นป้องกันตัว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่และย่าของ 2 ผู้บาดเจ็บเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าบุตรชายและหลานชายโดนคนร้ายใช้อาวุธปืนให้สอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 10.10 น.วันนี้ (8 เม.ย.) นางระเบียบ หงษ์สกุล ซึ่งเป็นพี่สาวของนายบรรเจิด อ่อนเบา ผู้ต้อหาในคดีนี้ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และ น.ส.ศิริมล ชมเชย บุตรสาวของนายบรรเจิดพร้อมญาติอีก 5 คน เข้าเข้าร้องเรียนต่อ นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมในการสอบสวนคดีและขอความคุ้มครองของญาติและผู้บาดเจ็บ
โดย น.ส.ศิริมล ชมเชย บุตรสาวของนายบรรเจิด เปิดเผยว่า การเข้าร้องเรียนในครั้งนี้ เพราะครอบครัวเราเชื่อว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม และหวาดกลัวต่อผลการสอบสวนที่อาจจะนำไปสู่ความไม่ปลอดภัย ตนเป็นบุตรสาวของนายบรรเจิด ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วันนี้จึงเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมและขอการคุ้มครองชีวิตจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี 2 เรื่อง
1.ขอความเป็นธรรมในการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะญาติของนายบรรเจิด ต้องเดินทางเข้าแจ้งความถึง 2 ครั้งทางพนักงานสอบสวนจึงรับแจ้งความ แต่ยังไม่มีการสอบสวนในส่วนของผู้บาดเจ็บ และการขอคัดสำเนาการสอบปากคำกลับไม่ได้รับความร่วมมือ โดยอ้างว่าเป็นเอกสารทางราชการ
2.อยากขอความเป็นธรรมและให้ช่วยคุ้มครองให้เกิดความปลอดภัยให้แก่ผู้บาดเจ็บและญาติของผู้บาดเจ็บ รวมทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากโดนฝ่ายคู่กรณีข่มขู่
น.ส.ศิริมล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รับการร้องเรียนแล้วได้ประสานสั่งการไปยังนายอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญ๗นบุรี เพื่อให้เข้าร่วมดูแลสำนวนการสอบสวนในคดีนี้และให้พวกตนได้พบเพื่อให้ดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป
ส่วน นางระเบียบ หงษ์สกุล พี่สาวของนายบรรเจิด เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุประมาณ 5 ชั่วโมง ตนได้เข้าแจ้งความกับน้อยเวร แต่ไม่รับแจ้งความ ดังนั้น ในช่วงบ่ายวันที่ 6 เม.ย.54 ตนจึงนำมารดาไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนจึงรับแจ้งความ และในวันนี้พวกตนได้พาพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าให้ข้อมูลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีข้อมูลหลายเรื่องที่ที่เป็นข่าวไม่ถูกต้อง
เช่น การกล่าวหาว่าผู้บาดเจ็บใช้ปืนยิงใส่คู่กรณีก่อนไม่ถูกต้อง เพราะพยานยืนยันว่าน้องชายและหลานไปพบคู่กรณีจริง แต่พยานเห็นว่าขณะพูดคุยกันคู่กรณีในมือถือปืน ส่วนอีกฝ่ายมีการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีอาวุธโดยถลกชายเสื้อ แต่เมื่ออีกฝ่ายขอให้เก็บอาวุธ ไม่มีท่าทีว่าจะเก็บปืน นายบรรเจิด น้องชายของตนจึงเดินออกจากที่เกิดเหตุ ส่วนนายเฉลิมชาติ ก็ขึ้นขี่จักรยานยนต์จะกลับแต่ถูกยิงเข้าที่ชายโครงด้านขวาขับขี่จักรยานยนต์ไปได้อีก 20 เมตรก็ล้มลง หลังจากนั้นก็เกิดเสียงปืนอีกหลายนัด
หลังจากนั้น พบ นายสาโรจน์ เสียชีวิต ส่วนนายบรรเจิด และนาบเฉลิมชาติ ถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเหตุการณ์ที่การสอบถามพยานว่าเห็นเหตุการณ์หรือไม่ ด้วยความหวาดกลัวพยานบอกไม่เห็นจึงรอดชีวิตมาได้
จากการที่เกิดคดี ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับชาวบ้านจนชาวบ้านดับ 1 และสาหัส 2 เหตุที่ ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ เมื่อคืนวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ขออนุมัติหมายจับสองผู้บาดเจ็บ พ่อ ลูกในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า มีอาวุธไว้ในครองครอง พกพาอาวุธในที่สาธารณะ ยิงปืนในที่สาธารณนะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนฝ่ายตำรวจกำลังพิจารณาในประเด็นป้องกันตัว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่และย่าของ 2 ผู้บาดเจ็บเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าบุตรชายและหลานชายโดนคนร้ายใช้อาวุธปืนให้สอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 10.10 น.วันนี้ (8 เม.ย.) นางระเบียบ หงษ์สกุล ซึ่งเป็นพี่สาวของนายบรรเจิด อ่อนเบา ผู้ต้อหาในคดีนี้ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และ น.ส.ศิริมล ชมเชย บุตรสาวของนายบรรเจิดพร้อมญาติอีก 5 คน เข้าเข้าร้องเรียนต่อ นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมในการสอบสวนคดีและขอความคุ้มครองของญาติและผู้บาดเจ็บ
โดย น.ส.ศิริมล ชมเชย บุตรสาวของนายบรรเจิด เปิดเผยว่า การเข้าร้องเรียนในครั้งนี้ เพราะครอบครัวเราเชื่อว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม และหวาดกลัวต่อผลการสอบสวนที่อาจจะนำไปสู่ความไม่ปลอดภัย ตนเป็นบุตรสาวของนายบรรเจิด ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วันนี้จึงเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมและขอการคุ้มครองชีวิตจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี 2 เรื่อง
1.ขอความเป็นธรรมในการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะญาติของนายบรรเจิด ต้องเดินทางเข้าแจ้งความถึง 2 ครั้งทางพนักงานสอบสวนจึงรับแจ้งความ แต่ยังไม่มีการสอบสวนในส่วนของผู้บาดเจ็บ และการขอคัดสำเนาการสอบปากคำกลับไม่ได้รับความร่วมมือ โดยอ้างว่าเป็นเอกสารทางราชการ
2.อยากขอความเป็นธรรมและให้ช่วยคุ้มครองให้เกิดความปลอดภัยให้แก่ผู้บาดเจ็บและญาติของผู้บาดเจ็บ รวมทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากโดนฝ่ายคู่กรณีข่มขู่
น.ส.ศิริมล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รับการร้องเรียนแล้วได้ประสานสั่งการไปยังนายอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญ๗นบุรี เพื่อให้เข้าร่วมดูแลสำนวนการสอบสวนในคดีนี้และให้พวกตนได้พบเพื่อให้ดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป
ส่วน นางระเบียบ หงษ์สกุล พี่สาวของนายบรรเจิด เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุประมาณ 5 ชั่วโมง ตนได้เข้าแจ้งความกับน้อยเวร แต่ไม่รับแจ้งความ ดังนั้น ในช่วงบ่ายวันที่ 6 เม.ย.54 ตนจึงนำมารดาไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนจึงรับแจ้งความ และในวันนี้พวกตนได้พาพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าให้ข้อมูลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีข้อมูลหลายเรื่องที่ที่เป็นข่าวไม่ถูกต้อง
เช่น การกล่าวหาว่าผู้บาดเจ็บใช้ปืนยิงใส่คู่กรณีก่อนไม่ถูกต้อง เพราะพยานยืนยันว่าน้องชายและหลานไปพบคู่กรณีจริง แต่พยานเห็นว่าขณะพูดคุยกันคู่กรณีในมือถือปืน ส่วนอีกฝ่ายมีการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีอาวุธโดยถลกชายเสื้อ แต่เมื่ออีกฝ่ายขอให้เก็บอาวุธ ไม่มีท่าทีว่าจะเก็บปืน นายบรรเจิด น้องชายของตนจึงเดินออกจากที่เกิดเหตุ ส่วนนายเฉลิมชาติ ก็ขึ้นขี่จักรยานยนต์จะกลับแต่ถูกยิงเข้าที่ชายโครงด้านขวาขับขี่จักรยานยนต์ไปได้อีก 20 เมตรก็ล้มลง หลังจากนั้นก็เกิดเสียงปืนอีกหลายนัด
หลังจากนั้น พบ นายสาโรจน์ เสียชีวิต ส่วนนายบรรเจิด และนาบเฉลิมชาติ ถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเหตุการณ์ที่การสอบถามพยานว่าเห็นเหตุการณ์หรือไม่ ด้วยความหวาดกลัวพยานบอกไม่เห็นจึงรอดชีวิตมาได้
