กาญจนบุรี - จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับประชาชนชาวเมืองกาญจน์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซ้อมแผนอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยกรณีแผ่นดินไหวขั้นรุนแรง จน “2 เขื่อนยักษ์” แตกเป็นเหตุให้น้ำหลากฉับพลัน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (8 เม.ย.) ที่บริเวณกองบังคับการทหารราบที่ 1 กองพลทหารราบที่ 19 ค่ายสุรสีห์ นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานฝึกซ้อมแผนอพยพประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยจากน้ำไหลหลากฉับพลัน กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพื้นที่ เป็นเหตุทำให้เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่พังทลายลงมาอย่างไม่คาดฝัน ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จุดเสี่ยงภัยต้องอพยพหนีภัยอย่างเร่งด่วน
โดยมี นายบุญญะพัฒน์ จันทรอุไร นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายไชโย ฤทธิรงค์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี นายสิทธิชัย เผ่าพันธุ์ ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชน และ อปท.ทุกพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.ค่ายสุรสีห์ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์เข้าร่วมฝึกซ้อม ในครั้งนี้มี ณรงค์ ไทยประยูร ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ นายวนิช แสงสุวรรณ ผช.เขื่อนศรีฯ ฝ่ายบริหาร นายณัฐจพนธ์ ภูมิเวียงศรี ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมสังเกตการณ์ฝึกซ้อมในครั้งนี้ด้วย
การฝึกซ้อมอพยพในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลหนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำแควน้อยทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ระหว่างหมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 8 โดยทั้งหมดอาศัยอยู่ในจุดเสี่ยงภัยที่สุดถ้าหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวจนเขื่อนแตก
สำหรับการฝึกซ้อมแผนอพยพครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นที่บริเวณริมน้ำแควน้อยเขตเทศบาลตำบลหนองบัว โดยเจ้าหน้าที่ได้สมมติฐานขึ้นมาว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงที่บริเวณเขื่อนศรีนครินทร์ ทำให้เขื่อนไม่สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้และพังลงมาในที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่เขื่อนศรีนครินทร์ได้วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า เขื่อนใกล้จะพังจึงได้โทรศัพท์รายงานโดยตรงมาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งกดสัญญาณหอเตือนภัยที่ติดตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ และแจ้งให้ อปท.ทุกพื้นที่ทราบถึงเหตุที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมกับประสานขอความช่วยเหลือจากกองกำลังทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ มูลนิธิต่างๆ ในพื้นที่ และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าให้ความช่วยเหลือผู้อพยพ และผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน ซึ่งการฝึกซ้อมแผนอพยพในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น
นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยภายหลังการฝึกซ้อมว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี และจะทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในจุดเสี่ยงภัยได้มีประสบการณ์มากขึ้น และรู้ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงสิ่งแรกที่จะต้องปฏิบัตินั้นจะทำอย่างไร จะเห็นได้ว่า จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงและบ่อยครั้งเป็นลำดับ สาธารณภัยที่เกิดขึ้นได้สร้างความเดือดร้อน สูญเสียให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งทรัพย์สินทางราชการเป็นจำนวนมาก
ที่ผ่านมา การดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชน แม้ว่าจะมีหน่วยงานทั้งในระดับส่วนกลาง ภูมิภาค และตลอดจนระดับท้องถิ่น หรือภาคเอกชน และมูลนิธิต่างๆ ที่เข้าไปเผชิญแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มกำลังก็ตาม ถึงแม้จะมีการวางแผนที่ดีแต่ก็ยังประสบปัญหาด้านการบูรณาการการประสานความร่วมมือ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน จึงทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานยังคงความซ้ำซ้อนขาดเอกภาพทำให้ประสบปัญหาด้านความพร้อมของแต่ละหน่วยงาน
ดังนั้น การฝึกอบรมและบูรณาการร่วมฝึกซ้อมแผนอพยพประชาชนในครั้งนี้ จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ทุกคนทราบถึงจุดบกพร่องของแผนที่มีอยู่ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขและกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อช่องโหว่ของแผนเฉพาะกิจที่นำมาฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้