กาญจนบุรี - สุดสลด ด.ช.วัย 11 ขวบ และ ด.ญ.วัย 13 ปี เข้าป่าไปหาผักหวาน พบระเบิด m79รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำมาเล่น เกิดระเบิดตูมใส้ทะลักดับอนาถคาที่ 1 สาหัส 1 ด้านพ่อ-แม่ ที่แยกทางกันอยู่รู้ข่าวหัวใจแทบสลาย
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1 เม.ย.54) พ.ต.ท.สุขสันต์ ชัยรัตน์ พงส.สบ.3 สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณกลางป่า บ้านหนองสองตอน หมู่ 4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีเด็กเสียชีวิตคาที่ 1 ราย อาการสาหัส 1 รายเป็นหญิง พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลพหลฯ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.กิตติพงษ์ บุญรอด รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.บัญชา ศรีรุจิเมธากร สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.สุชาย เทศัชบุตร สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.อ.ดำรงค์ เป้าอารีย์ รอง สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี แพทย์เวร ร.พ.พหลฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมกับประสานไปที่ ร.19 พัน 2 สังกัดกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เพื่อเข้าเคลียพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ฝึกทางทหาร โดยมี พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง รอง ผบ.ร.19 พ.อ.กานต์นาท นิกรยานนท์ เสธ ร.19 กกล.สุรสีห์ ร.อ.นพดล ทุมทน ผบ.กองร้อยกองบังคับการ ร.19 พัน 2 และกำลังทหารอีกจำนวนหนึ่งร่วมตรวจสอบเหตุดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุพบศพ ด.ช.วิษณุ ร่มโพธิ์ชี อายุ 11 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ 4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองสองตอนนอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณทางเดินซึ่งเป็นลูกรังลักษณะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน สวมกางเกงยีนต์ขายาวสีเขียว ใส่รองเท้านักเรียน สภาพศพตั้งแต่ข้อศอกทั้ง 2 ข้างขาดและแตกละเอียดกระเด็นไปคนละทิศทางบริเวณท้องถูกแรงระเบิดทำลายเป็นแผลฉีกขาดขนาดใหญ่เป็นเหตุให้ลำใส้และอวัยวะภายในแหลกละเอียดกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ สร้างความสลดหดหู่ให้กับเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่พบเห็นซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องพยายามกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้จุดเกิดเหตุ
เนื่องจากพบว่าข้างศพยังมีลูกยิงระเบิดขนาด 40 มม.หรือชนิด 203 หรือหัวกระสุน m79 ตกอยู่ใกล้กับศพอีก 2 หัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้นำยางรถยนต์ประมาณ 10 เส้นมาวางล้อมเอาไว้เพื่อป้องกันการระเบิด เนื่องจากหัวกระสุนที่พบพร้อมที่จะระเบิดขึ้นมาได้ทุกเวลา ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 รายถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพหลฯถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่บริเวณลำตัวและตามร่างกายส่วนต่างๆอาการสาหัส ทราบช่อต่อมาคือ ด.ญ.นีรนุช ชาวหนองบัว อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม. 1 โรงเรียนเดียวกัน ซึ่งขณะนี้คณะแพทย์โรงพยาบาลพหลฯกำลังเร่งผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกซึ่งขณะอาการปลอดภัยแล้ว และยังพอให้การได้บอกว่า เห็นเด็กชายวิษณุ เข้าไปหยิบระเบิดมาเล่น จากนั้นได้แกะเอายางรัดลูกระเบิดออก จากนั้นลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้นมาอย่างดัง และเห็นแขนทั้งสองข้างของ ด.ช.วิษณุขาดกระเด็นอย่างชัดเจน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา เด็กชาย วิษณุ ร่มโพธิ์ชี ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยเด็กหญิง ณีรนุช ชาวหนองบัวอายุ 13 ปี ได้ติดตาม นายชนุช ชาวหนองบัว อายุ 30 ปี และนางทองดี ชาวหนองบัว ซึ่งเป็นน้าหลานรวม 4 คน ได้เดินเข้าไปในป่าเพื่อไปเก็บผักหวาน ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นเขตฝึกซ้อมรบของกองพลทหารราบที่ 9ค่ายสุรสีห์ ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในอย่างเด็ดขาด
คาดว่าขณะที่ ดช.วิษณุ กำลังเข้าไปเก็บผักหวานอยู่นั้นคงพบหัวกระสุน m 79 ตกอยู่จากนั้นจึงเก็บมาเล่นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ หัวกระสุน m79 เกิดระเบิดขึ้นคามือของ ด.ช.วิษณุ เป็นเหตุให้มือทั้งสองข้างขาดกระเด็นออกจากกัน ส่วน ด.ญ.ณีรนุช ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดอาการสาหัส โดยนางทองดี บอกว่าประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา หลานชายเคยเข้าไปเก็บลูกยิงระเบิดมา 10 ลูก และนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่ามาแล้ว
เวลาต่อมา นางสุกัญญา ชาวหนองบัว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ 4 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และนายไพรงาม ร่มโพธิ์ทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/1 หมู่ 6 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สองสามีภรรยาที่แยกทางกันอยู่ และเป็นพ่อและแม่ของ ด.ช.วิษณุ หลังจากทราบข่าวจากเพื่อนบ้านได้เดินทางมาดูสภาพศพของลูกชาย ซึ่งทั้งสองหลังเห็นสภาพศพของลูกชายต่างร้องให้ออกมาแทบจะเป็นลม สร้างความเวทนาให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยนาง สุกัญญา ผู้เป็นแม่ร้องให้ออกไปพร้อมพูดตลอดเวลาว่าอยากไปอยู่กับลูกชาย ทำให้เพื่อนบ้านต้องช่วยกันพยุงร่างของนางสุกัญญาออกไป
ด้าน ร.อ.นพดล ทุมทน ผบ.กองร้อยกองบังคับการ ร.19 พัน 2 พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ฝึกยิงกระสุนปืน โดยทาง ร.19 พัน 2 พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ จะมาฝึกเป็นประจำส่วนใหญ่ยิงด้วยปืนกลและเครื่องยิงระเบิดชนิด 203 หรือ ขนาด 40 มม. หรือที่เรียกกันว่าเอ็ม 79
โดยล่าสุดได้ทำการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงเมื่อวานที่ผ่านมา ก่อนกำลังพลที่ฝึกจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ภาคใต้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านทราบดีว่าเป็นพื้นที่ฝึกรบด้วยกระสุนจริง มีการติดป้ายเตือนห้ามผู้ใดเข้าไปในเขตนี้ แม้แต่ทหารเองยังไม่กล้าเข้าไป เพราะทราบดีว่ามีลูกกระสุนจากเครื่องยิงระเบิดตกอยู่และยังไม่ระเบิดจำนวนมาก ก่อนเกิดเหตุขณะตนและผู้บังคับบัญชากำลังปฏิบัติหน้าที่ที่ฐานฝึกใกล้กับที่เกิดเหตุ ประมาณ 10.00 น.ได้ยินเสียงระเบิดตูมดังสนั่น 1 ครั้ง จึงวิทยุประสานว่ามีหน่วยใดเข้ามาฝึกหรือไม่ ปรากฏว่าได้รับการยืนยันว่าไม่มี จึงเข้าทำการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่ามีเด็กถูกระเบิดเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 1 คน
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุสุดวิสัยทหารเองก็เสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิด และอยากฝากเตือนประชาชนโดยเฉพาะผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานให้ดีอย่าเข้าไปเล่นในพื้นที่ฝึกเด็ดขาด เพราะจะเกิดอันตรายได้ทุกเวลา ร.อ.นพดล กล่าว.
