น่าน - ศพทหารกล้าที่เสียชีวิตจากการปะทะที่นราธิวาสกลับถึงบ้านเกิดที่เมืองน่านแล้ว แม่เผยภูมิใจกับลูกชายที่ได้รับใช้ชาติสมชายชาติทหาร ระบุลูกสมัครใจไปปฏิบัติหน้าที่ 3 จชต.เองเพื่อส่งเสียน้อง
เจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนจังหวัดน่านนำโดยนายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน, พล.ต.ชีวัน โหละบุตร ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกจังหวัดน่าน พร้อมด้วยญาติได้จัดพิธีรับศพสิบเอกชเนรินทร์ กันทะ ที่อยู่ในเครื่องแบบเต็มยศในโลงศพคลุมด้วยธงชาติอย่างสมเกียรติ ทันทีที่เครื่องบินซี-130 นำศพจากสนามบินบ้านทอน จังหวัดนราธิวาส ถึงสนามบินจังหวัดน่าน เมื่อ 23 มี.ค.54 ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศกของญาติมิตร ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมรุ่น โดยเคลื่อนศพนำโดยทหารกองเกียรติยศไปจัดพิธีบำเพ็ญที่วัดนาทะนุง ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสิบเอกชเนรินทร์
ทั้งนี้ สิบเอกชเนรินทร์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2554 ขณะลาดตระเวนเส้นทางสังกัด ร้อย ร.9011 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 34 ปะทะกับผู้ก่อเหตุในพื้นที่บ้านไอร์ซือระ ม.3 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ ทหารเสียชีวิต 2 นาย คือ ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ อายุ 25 ปี หัวหน้าชุด และพลทหารนเรศ เพชรรัตน์
โดยก่อนเกิดเหตุ ส.อ.ชเนรินทร์นำกำลังเจ้าหน้าที่รวม 8 นาย ใช้รถจักรยานยนต์ 4 คัน ออกตรวจความเรียบร้อยในเส้นทาง ขณะมาถึงบริเวณดังกล่าวถูกผู้ก่อเหตุซุ่มยิงมาจากเนินดิน เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้นานกว่า 10 นาที และพบว่า ส.อ.ชเนรินทร์ กันทะ กับพลทหารนเรศ ถูกยิงเสียชีวิต
นางนารี กันทะ มารดากล่าวว่า ภูมิใจในตัวลูกชายมากที่ได้ทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติสมชายชาติทหาร เป็นเกียรติของวงศ์ตระกูล เขาเป็นลูกที่มีความกตัญญูมาก และมีความรักในอาชีพทหาร เมื่อเรียนจบ ม.6 ก็เดินทางไปสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ หลักสูตร 1 ปี เหล่าทหารราบ
“ไปโดยไม่มีเส้นสาย อาศัยความรู้ความสามารถของเด็กบ้านนอกอย่างแท้จริง”
จากนั้นก็ได้รับการบรรจุอยู่ ร.9 พัน.2 ค่ายสุรสีห์นาถ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ไม่ยอมมีครอบครัว ตั้งใจจะส่งเสียน้องสาวให้เรียนจบ ม.6 ก่อน และตั้งใจอยากจะให้น้องสาวเป็นทหารเหมือนตน ขอให้น้องไปสอบเข้าเป็นนักเรียนพยาบาลของกองทัพบกให้ได้ เมื่อจบก็จะได้เป็นทหารรับใช้ชาติ และกำลังกู้เงินเพื่อมาสร้างบ้านให้พ่อแม่ใหม่เนื่องจากบ้านเก่าทรุดโทรม เมื่อสำเร็จทุกอย่างที่วางไว้ถึงจะมีครอบครัว
นางนารีบอกว่า เหตุที่ลูกชายสมัครไปปฏิบัติหน้าที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ก็เพื่อต้องการได้เบี้ยเลี้ยงนำเงินมาส่งเสียน้องและครอบครัว
“ก่อนที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาได้บอกกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะคนเราอยู่ที่ไหนก็ตาย ถ้าไม่ถึงที่ก็ไม่ตาย การกินอยู่หลับนอนไม่ต้องเป็นห่วง ผมสบายกว่าแม่เยอะ เขาจะพูดอยู่เช่นนี้ประจำ”