“ชินวรณ์” ย้ำ ปีนี้นักเรียนทุกคนมีที่เรียน ฝากผู้ปกครองยอมรับที่เรียนลูก อย่าหวังร้องเรียน ยันหมดหนทางช่วยเหลือ แนะเลิกยึดติดโรงเรียนดัง สนใจตามความถนัด ความสามารถของลูก โวไม่ห่วงฐานเสียงหาย หลังประกาศชัดห้ามฝากเด็ก เชื่อ เพื่อโอกาสเด็กไร้เส้นสายอีกเป็นล้านๆ คน “ผู้บริหาร ร.ร.” โอดอึดอัดใจผู้ปกครองไม่รับฟังแนวทางโรงเรียน
วันนี้ (4 มี.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ปกครองนักเรียนมาร้องเรียนเกี่ยวกับการรับนักเรียนประจำปีการศึกษา 2554 และโรงเรียนรู้สึกอึดอัดต่อนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า เนื่องจากปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ ศธ. ตั้งใจให้การรับนักเรียนเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ที่จะสร้างคุณภาพทางการศึกษา สร้างคุณภาพของโรงเรียนให้ใกล้เคียงกัน ให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความสามารถ และความถนัดของตัวเอง อีกทั้งต้องการลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงสร้างความเป็นธรรมในระบบการศึกษาให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ทุกโรงเรียนมีความเข้าใจในนโยบายอย่างชัดเจน และพร้อมทำให้การรับนักเรียนในปีนี้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ปราศจากการเรียกรับเงิน การฝากเด็ก ซึ่งโรงเรียนเองต้องอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจ และมีการวางแผนการรับนักเรียนอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งนี้ ก็ยังมีผู้ปครองบางรายที่เมื่อลูกสอบไม่ได้ตามเกณฑ์ก็มาร้องเรียน แต่ต้องยอมรับว่า ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะได้เรียนในโรงเรียนที่ต้องการ ซึ่งโรงเรียนเองก็พร้อมแก้ปัญหานี้อยู่แล้ว
“ขอยืนยันว่า ในปีนี้ นักเรียนทุกคนมีที่เรียนแน่นอน ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนในโรงเรียนที่ตัวเองแจ้งความประสงค์ในโรงเรียนที่สมัคร หรือโรงเรียนคู่พัฒนา ทั้งนี้ ผมต้องการให้มีการเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ใครมาทำให้ความชัดเจน เที่ยงตรงในการรับนักเรียนปีนี้ต้องผิดพลาดไปเป้าหมายที่วางไว้ และสำหรับผู้ปกครองคนใดที่คิดจะมาร้องเรียน หรือหาช่องทางพิเศษใดๆ ผมก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ จึงอยากขอให้ผู้ปกครองตัดสินใจเลยว่าหากบุตรหลานสอบเข้าโรงเรียนดังไม่ได้ ก็ให้ไปเข้าโรงเรียนคู่พัฒนา ที่ได้ประสงค์เอาไว้ และอยากจะเชิญชวนให้เลือกเรียนสายอาชีพ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนตามความถนัด ความสนใจ ก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีกว่าที่จะยึดแต่ค่านิยมเก่าๆ ว่า ต้องเข้าโรงเรียนดังให้ได้ นอกจากนี้ ผมไม่ได้ห่วงเรื่องฐานเสียง เพราะมีนักเรียนจำนวนเป็นล้านคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่มีเส้นสาย ซึ่งยอมรับว่าตอนที่ออกนโยบายมาใหม่ๆ ผมไม่กล้าไปนั่งใกล้เพื่อน ส.ส. แต่ตอนนี้ ส.ส.กลับเดินมาขอจับมือ และขอให้ทำจริงๆ" รมว.ศธ.กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีกลุ่มผู้ปกครอง ร.ร.วัดน้อยนพคุณ ร้องเรียนขอความเป็นธรรมในการเข้า ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนคู่พัฒนา เนื่องจากถูก ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ปฏิเสธที่จะให้ศึกษาต่อชั้น ม.4 นั้น ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปตรวจสอบว่า การลงนามในสัญญา MOU ฉบับดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้อยู่หรือไม่ แต่เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นสัญญาที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2550-2552 ดังนั้น จึงไม่แน่ใจว่ายังมีผลบังคับใช้หรือไม่
นางสุมนรัตน์ อัศตรกุล ผู้อำนวยการ ร.ร.เบญจมราชาลัย ในพระราชูปถัมภ์ กล่าวว่า นโยบายของ ศธ.ในปีนี้้ จริงๆ แล้วทุกโรงเรียนเห็นว่าเป็นโยบายที่ดีมาก ที่จะช่วยดูแลความยุติธรรม คุณภาพการศึกษา ไม่ให้มีการฝากเด็ก เรียกรับเงิน ซึ่งโรงเรียนตื่นตัวกับนโยบายนี้มาก โดยมีการดำเนินการตามแผนในลักษณะการให้ข้อมูล แนะแนว และการเยียวยา ตนยืนยันว่า ไม่เคยมีความรู้สึกที่จะอึดอัดในนโยบาย ซึ่งนโยบายเช่นนี้ทุกโรงเรียนปรารถนามานานแล้ว ต่อไปก็จะทำให้ผู้ปกครองตื่นตัวในเรื่องนี้มากขึ้น แต่ที่อึดอัดเพราะผู้ปกครองไม่ยอมรับฟังทางโรงเรียน แม้จะอธิบายหลายครั้งแล้วก็ตาม