กาฬสินธุ์ - 14 แกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรือ ผรท.(2) 4 ภาค เข้าแจ้งความเอาผิดกับ “นายรักษ์ ลี้ทรงศักดิ์” นายอำเภอสมเด็จ ซึ่งก่อเหตุพยายามทำร้ายผู้ชุมนุมขณะปิดถนนทวงสัญญารัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยประกอบอาชีพ ด้าน ผู้ว่าฯ พร้อมให้ความเป็นธรรม แนะให้ ผรท.อดทนรอรับการช่วยเหลือเพื่อคลี่คลายปัญหา
จากกรณีเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยหรือ ผรท.(2) 4 ภาค ทำการปิดถนนบริเวณสี่แยกอำเภอสมเด็จจังหวัดกาฬสินธุ์ ประท้วงรัฐบาลเพื่อรับคำตอบการจ่ายเงินชดเชยประกอบอาชีพให้กับกลุ่ม ผรท.ที่ยังตกค้างจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อ นายอำเภอสมเด็จ พยายามขับรถฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุมแล้วเดินจะเข้าทำร้ายผู้ชุมนุมเป็นเหตุให้ แกนนำต้องประกาศยุติการชุมนุมเพราะเกรงจะเกิดเหตุรุนแรง
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (6 เม.ย.) ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นายบุญใส ก้อนดินจี่ พร้อมด้วยแกนนำ ผรท.รวม 14 คน ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พุฒินันท์ อำพันธ์ รองผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ ร.ต.ท.สมทรง เวียงปฎิ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีอาญากับ นายรักษ์ ลี้ทรงศักดิ์ นายอำเภอสมเด็จ
โดยแกนนำจำนวน 9 คน ได้ร่วมลงชื่อเข้าแจ้งความพร้อมกับส่งเอกสารซึ่งเป็นซีดีของกลุ่มผู้ชุมนุมบันทึกพฤติกรรมของนายอำเภอได้ให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อนำไปประกอบสำนวน
นายบุญใส ก้อนดินจี่ แกนนำ ผรท.(2) 4 ภาค กล่าวว่า การเข้าแจ้งความครั้งนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.สมเด็จ จะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะบุคคลที่ถูกแจ้งความเป็นถึงพ่อเมืองสมเด็จ อีกทั้งยังอ้างว่าหลังจากที่สลายการชุมนุมที่บริเวณสี่แยกอำเภอสมเด็จ ยังถูกนายอำเภอพูดในทำนองข่มขู่บนเวทีประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ว่า จะจัดการกับแกนนำ ผรท.ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ทำให้กลุ่ม ผรท.เกรงว่า จะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้เข้ามาแจ้งความยัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์
แกนนำ ผรท.(2) 4 ภาค กล่าวต่อว่า การชุมนุมปิดถนนที่บริเวณสี่แยกอำเภอสมเด็จ ยอมรับว่าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน แต่สิ่งที่แสดงออกในการชุมนุมนั้นหมายถึงการสร้างสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับรู้ เพราะที่ผ่านมาการชุมนุมเพื่อท้วงสัญญาจากรัฐบาลเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในกรณีรายชื่อตกค้างก็ได้ทำการยืนหนังสือและ เปิดปราศรัยที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสมเด็จ กันอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ประกาศจะมีการยุบสภา กลุ่ม ผรท.จึงห่วงว่า ขั้นตอนการช่วยเหลือจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่เมื่อมีรัฐบาลใหม่
อีกทั้งที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้รับปากว่าจะให้การช่วยเหลือ และได้มีการนัดหมายในเรื่องของคำตอบในแต่ละวัน แต่จนถึงวันนี้กลับไม่มีคำตอบที่เป็นรายลักษณ์อักษรจากรัฐบาล กลุ่ม ผรท.จึงได้ตัดสินใจทำการปิดถนนประท้วง
“แต่เมื่อทำการปิดถนนประท้วง สิ่งที่ทำให้กลุ่ม ผรท.หวาดกลัวกลับเป็น พฤติกรรมของ นายรักษ์ ลี้ทรงศักดิ์ นายอำเภอสมเด็จ ซึ่งพยายามเข้ามาทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร ในเรื่องนี้พวกเราไม่ยอม เพราะถือว่าเป็นสิทธิของประชาชน เราเดือดร้อนเราจึงมาชุมนุม แต่หากคิดที่จะใช้กำลังหรือกฏหมายเราก็พร้อมที่จะต่อสู้ให้ถึงที่สุดแม้ว่าจะต้องตายก็ยอม” แกนนำกล่าว
ด้าน นายอดิศักดิ์ พวงศรี เลขากลุ่ม ผรท.(2) 4 ภาค ที่ถูกนายอำเภอพยายามทำร้ายร่างกาย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะนายอำเภอ ก็เปรียบเสมือนพ่อ ทั้งที่พวกเราต้องการเข้าไปขอความช่วยเหลือแต่ก็ถูกผลัดผ่อนเรื่อยมาจนต้องเรียกร้องรัฐบาลด้วยการปิดถนน ยืนยันว่า นายอำเภอพยายามที่จะขับรถฝ่าเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่ปิดถนนแต่เมื่อไปไม่ได้ ก็เปิดประตูรถลงมาไล่ชกต่อยตน ซึ่งก็ปรากฏจากภาพที่มีการบันทึกไว้ได้ทั้งนี้ยืนยันว่าจะเรียกร้องความเป็นธรรมและดำเนินคดีกับนายอำเภอให้ถึงที่สุด
พ.ต.ท.พุฒินันท์ อำพันธ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งความดำเนินคดี อาญากับ นายรักษ์ ลี้ทรงศักดิ์ นายอำเภอสมเด็จแล้ว และได้ทำการรายงานตรงไปยัง พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เนื้อนาค ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์
แต่คดีนี้เนื่องจากเหตุเกิดคนละท้องที่ พนักงานสอบสวนจึงได้ทำหนังสือส่งบันทึกพร้อมทั้งเอกสารซีดีไปยัง พนักงานสอบสวน สภ.สมเด็จ ให้ดำเนินการสอบสวนต่อไป ทั้งนี้ กลุ่มผรท. ก็จำเป็นจะต้องเข้าไปแจ้งความที่ สภ.สมเด็จอีกครั้งเพื่อให้มีการดำเนินคดีอย่างถูกต้อง
ด้าน นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาของกลุ่ม ผรท.(2) 4 ภาค ที่ต้องการเงินชดเชยในการประกอบอาชีพ ได้ติดตามมาตลอดและอยู่ในขั้นตอนของการรอรับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือเมื่อไหร่แต่เมื่อมีเหตุการณ์ระหว่าง นายอำเภอสมเด็จ และกลุ่ม ผรท. ที่ทำการปิดถนนสี่แยกสมเด็จ ก็ได้เห็นจากสื่อทีวี
เบื้องต้นรับทราบจาก นายอำเภอสมเด็จ ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ต้องการที่จะไปเปิดผ้าที่ปิดบังใบหน้าเท่านั้น ซึ่งนายอำเภอก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ภาพที่เห็นอาจจะเป็นการสื่อที่ทำให้เข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม ก็จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายและขอให้กลุ่ม ผรท. ใจเย็น แล้วรอรัฐบาลที่กำลังดำเนินการช่วยเหลือให้อยู่ในขณะนี้
สำหรับปัญหาของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคอีสาน มีความเคลื่อนไหวเพื่อทวงเงินชดเชยในการประกอบอาชีพตามคำสั่ง 66/23 สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตั้งแต่ปี 2537 และที่ผ่านมาในปี 2550 รัฐบาลได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่ยุติเนื่องจาก กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ยังอ้างว่ามีปัญหารายชื่อตกหล่นอยู่ถึง 8 จังหวัด
ประกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ จ.สกลนคร จ.มุกดาหาร จ.นครพนม จ.ยโสธร จ.อุดรธานี จ.เลย และจังหวัดหนองบัวลำพู และมีการรวมตัวกันอีกในนาม กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (2) 4 ภาค ที่มีนายบุญใส ก้อนดินจี่เป็นแกนนำ แล้วทำการเคลื่อนไหวด้วยการยื่นหนังสือเรียกร้องความเดือดร้อนผ่านเวทีหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์
โดยเฉพาะที่สนามที่ว่าการอำเภอสมเด็จ หลายครั้ง ที่ยืนยันว่าหากไม่ได้รับรองเป็นรายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลในวันที่ 11 เมษายนนี้ จะมีการชุมนุมปิดถนนอย่างแน่นอนส่วนจะเกิดขึ้นที่จังหวัดไหนยังไม่มีการเปิดเผย