สัตหีบ - อดีตประธานไลออนส์สัตหีบและเจ้าหน้าที่ทหารเรือ จอดรถร่วมงานศพ ถูกคนร้ายแอบทุบกระจก กวาดทรัพย์ภายในรถได้นับแสนบาทหลบหนีลอยนวล
เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 เม.ย.) ร.ต.ท.ปิติชน เทิดเกียรติกุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ของผู้มาร่วมในงานสวดอภิธรรมศพ จำนวน 2 คัน ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดนับแสนบาท เหตุเกิดภายในลานจอดรถวัดบางเสร่คงคาราม ม.1 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย สุนทวนิค ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน สวป. พ.ต.ต.ปารุต สามารถ สว.สส. และชุดสืบสวน
ในที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถข้างเมรุเผาศพ ห่างจากศาลาสวดอภิธรรมศพประมาณ 30 เมตร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีฟ้า ทะเบียน กว-1960 ชลบุรี ซึ่งเป็นของ น.ส.ประเสริฐ เอี่ยมเพชร อายุ 41 ปี อดีตประธานสโมสรไลออนส์สัตหีบ อยู่บ้านเลขที่ 59/1 ม.3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถูกคนร้ายทุบกระจกด้านซ้ายเบาะหลัง ได้ทรัพย์สินเป็นกระเป๋าหนังจำนวน 4 ใบ ภายในมีเงินสด 20,000 บาท และเอกสารสำคัญจำนวนมาก
นอกจากนั้นยังพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีดำ ทะเบียน ญค-8625 กรุงเทพมหานคร ของ พันจ่าเอก ชิด บัววงค์ อายุ 42 ปี สังกัด โรงเรียนชุมพลทหารเรือ อยู่บ้านเลขที่ 51/375 ม.5 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถูกคนร้ายทุบกระจกด้านซ้ายเบาะหลังได้ทรัพย์สินเป็นกระเป๋าเอกสารภายในมีเงินสด 107,000 บาท บัตรเครดิต 8 ใบ บัตรเอทีเอ็ม 5 ใบ สมุดธนาคาร 5 เล่ม และเช็คเงินสด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้หารอยนิ้วมือแฝง และหลักฐานคนร้ายแต่ไม่พบ จึงได้เชิญตัวผู้เสียหายมาทำการสอบสวนและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามผู้เสียหายทั้งสองเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมาร่วมในพิธีสวดอภิธรรมศพของนายจ้อน อุดมผล อายุ 65 ปี จึงได้นำรถจอดไว้บริเวณที่จอดรถข้างเมรุเผาศพ ซึ่งห่างจากศาลาสวดอภิธรรมศพประมาณ 30 เมตร และเป็นจุดที่ไม่สามารถมองเห็นรถได้ หลังจากฟังพระสวดอภิธรรมจนจบ ได้เดินกลับมาที่รถพบว่ารถได้ถูกคนร้ายกรีดกระจกรถด้านซ้ายเบาะหลัง ก่อนจะทุบเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถไปจนหมด โดยที่สัญญาณกันขโมยไม่ทำงาน และในเวลานั้นได้มีประชาชนขับรถยนต์ และจักรยานยนต์เวียนเข้าออกภายในวัดจำนวนมากจึงไม่ทันสังเกตว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย สุนทวนิค ผกก.สภ.สัตหีบ กล่าวว่า ระยะนี้ในพื้นที่อำเภอสัตหีบได้มีกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ของประชาชนที่ต้องจอดรถทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเดินทางไปร่วมในงาน โดยขาดการรักษาความปลอดภัยที่ดี ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้อาศัยช่วงดังกล่าวลงมือก่อนเหตุ
ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีผู้เสียหายถูกทุบกระจกรถยนต์ฉกทรัพย์สินภายในรถแล้วเกือบ 10 ราย ซึ่งการติดตามกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ยังมืดแปดด้าน คาดว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความชำนาญทั้งด้านการตัดกระจก และระบบรถยนต์เป็นอย่างดี จึงสามารถลงมือก่อเหตุโดยที่สัญญาณกันขโมยของรถยนต์ไม่ทันได้ทำงาน เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจออกตรวจตราพื้นที่บ่อยขึ้น โดยเฉพาะจุดที่มีการจัดงานต่างๆ พร้อมส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาลงโทษตามกฎหมายต่อไป