ศูนย์ข่าวศรีราชา - สาวใหญ่ วัย 47 ปี เป็นโรคซึมเศร้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารเรือ รอคิวตรวจ เห็นเฒ่าวัย 78 ปี ป่วยโรคเดียวกันใส่สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ล่อตาล่อใจ เดินติดตามประกบเข้าห้องน้ำชาย แผลงฤทธิ์กระชากสร้อยคอขาดจากคอ เฒ่าฮึดสู้ชกหน้าหงายตะโกนให้คนช่วยรวบทันควัน
วันนี้ (1 เม.ย.) พ.ต.ท.บำรุง รักษ์บำรุงสกุล พนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก เรือเอก ประทีป ชาตะสิงห์ หัวหน้ารักษาความปลอดภัย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ว่านายศุภกฤต นันทิวัฒนา อายุ 30 ปี พลเมืองดีที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาล พร้อมกับเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเรือ ได้ช่วยจับคนร้ายก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำไว้ได้ภายในห้องน้ำชาย ขณะนี้ได้ควบคุมตัวไว้ในกองรักษาความปลอดของโรงพยาบาล จึงรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบ เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเรือ กำลังควบคุมตัว น.ส.ประมวน ธรรมปะละ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/14 ม.2 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นคนไข้โรคซึมเศร้า ที่เข้ารักษาตัวกับทางโรงพยาบาล และเป็นผู้ก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จนขาดสองท่อนหลุดจากคอนายเสงี่ยม สุขสว่าง อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 ต.บ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นคนไข้โรคเดียวกับผู้ก่อเหตุ ภายในห้องน้ำชาย
จากการสอบถาม นายเสงี่ยม ผู้เสียหายเล่าว่า ในช่วงเช้าได้ออกเดินทางจากจังหวัดระยอง มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ หลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานานหลายปี ขณะที่นั่งรอเรียกคิวซึ่งเป็นคนที่ 2 ส่วน น.ส.ประมวน ผู้ก่อเหตุ นั่งรอคิวต่อเป็นคิวที่ 3 เมื่อเห็นว่าแพทย์ยังไม่มาจึงได้ลุกไปปัสสาวะในห้องน้ำ ชายโดยไม่ทันสังเกตว่า น.ส.ประมวน ติดตามมา หลังเสร็จกิจขณะกำลังล้างมืออยู่นั้น น.ส.ประมวน ได้เดินเข้ามาทางด้านหลังและกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จนขาดสองท่อนหลุดออกจากคอ ทันใดนั้นจึงได้หันไปชกเข้าที่ใบหน้า น.ส.ประมวนเต็มแรงจนหน้าหงาย ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไป จึงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ เป็นจังหวะเดียวกับที่นายศุภกฤตออกมาจากห้องสุขาพอดี ได้ไล่ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ทันควัน
ส่วนทางด้าน น.ส.ประมวน ผู้ก่อเหตุได้ให้การรับสารภาพว่า หลังล้มป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามานานหลายปีจึงต้องเข้าการรักษาตัวในโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ มาอย่างต่อเนื่องทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และด้วยเหตุที่มีฐานะยากจน ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอต่อการรักษา ขณะที่นั่งรอเรียกคิวอยู่นั้นเห็นว่านายเสงี่ยมใส่สร้อยคอทองคำเส้นใหญ่ และเป็นผู้สูงอายุคงไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ จึงเกิดความโลภ เมื่อเห็นว่านายเสงี่ยมลุกไปเข้าห้องน้ำจึงได้ติดตามไปห่างๆ และได้ยืนดูต้นทางอยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าปลอดผู้คนจึงได้ติดตามเข้าไปในห้องน้ำชาย เห็นว่านายเสงี่ยมกำลังก้มหน้าล้างมือ จึงลงมือกระชากสร้อยจนขาด แต่กับถูกนายเสงี่ยมชกสวนเข้าที่ใบหน้าจนมึนงง ก่อนจะถูกจับกุม และยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เนื่องจากขณะนั้นแม้เงินค่ารถโดยสารกลับบ้านรวมถึงค่ารักษาก็ไม่มี เหลือเพียงเศษเหรียญ 15 บาท จึงเกิดความโลภและก่อเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อ คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากรูปพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกับผู้ที่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาแล้วในเขตพื้นที่บ้านฉาง และตลาดกิโลเมตรที่ 10 ตำบลพลูตาหลวง ทั้งนี้ ได้ติดตามผู้เสียหายที่เคยถูกกระชากสร้อยมาดูตัว ก่อนจะดำเนินคดีในข้อหาวิ่งราวทรัพย์