เชียงราย - พาณิชย์จังหวัดเชียงราย เปิดพื้นที่สนามหน่วยฝึก นศ.วิชาทหาร จทบ.ชร.จัดมหกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยยาวถึง 30 มีนาฯนี้ พร้อมตั้งแผงขาย “น้ำมันปาล์ม” ราคาถูกขวดละ 40 บาท ทำชาวบ้านแห่ซื้อกันตรึม
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดงานมหกรรมพาณิชย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยขึ้น ณ บริเวณสนามหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร จังหวัดทหารบกเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย จนถึง 30 มี.ค.54
ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปโดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ซึ่งจำหน่ายดีมากเพราะมีราคาเพียงขวดละ 40 บาท และสินค้าน้ำตาลทราย ไข่ไก่ ข้าวสาร ฯลฯ ขณะเดียวกันมีเครื่องจักรทางการเกษตร อุปกรณ์ทางการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา ผ้า สินค้าโอทอป ฯลฯ หลายร้อยร้านจึงทำให้มีประชาชนไปเดินหาซื้อกันตลอดวันในช่วงการจัดงาน 5 วัน
นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิด กล่าวว่ากิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในการดูแลความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจและการค้าทุกระดับ จึงได้มีมาตรการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นกรณีเกิดภัยพิบัติก็ได้มีการตั้งศูนย์กระทรวงพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเอาไว้แล้ว
ส่วนระยะยาวก็คือ มาตรการต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือการจัดมหกรรมพาณิชย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว กิจกรรมนี้มี 4 ครั้งโดยตระเวนไปทั่วทุกภาคจำนวน 4 ภาค เชียงรายถือเป็นแห่งที่ 3 และเสร็จจากนี้จะไปจัดงานที่ จ.นครราชสีมา ในเดือน เม.ย.ต่อไป
ด้าน นายอดิศร พิทยายน หัวหน้าสำนักงาน จ.เชียงราย กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ผู้ประกอบการ เกษตรกร ฯลฯ โดยจะช่วยเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายเพราะสินค้าภายในเป็นของคนไทยและผู้ซื้อสามารถหาซื้อได้ในราคาถูก นอกจากนี้เป็นที่ทราบกันว่า จ.เชียงราย เป็นเมืองแห่งการค้าสากลและเมืองหน้าด่านสู่ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง รวมทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญด้วยจึงมีการจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนเรื่องดังกล่าวไปพร้อมๆ กัน
“เชียงรายมีประชากรประมาณ 1.2 ล้านคน และกำลังจะมีสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 แล้วเสร็จในวันที่ 10 ธ.ค.2555 และท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 แล้วเสร็จในวันที่ 1 เม.ย.2555 จึงถือเป็นการเปิดประตูของภาคเหนือสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC”นายอดิศร กล่าว
