จันทบุรี - สาธารณสุขจันทบุรี ลงพื้นที่สอนชาวบ้านและเกษตรกรป้องกันตนเองจากสารพิษตกค้างในร่างกาย หลังตรวจพบเกษตรกรในจันทบุรีมีสารเคมีตกค้างในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยถึงร้อยละ 20
วันนี้ (25 มี.ค.54 ) นายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี พร้อมคณะได้ลงพื้นที่กระตุ้นเตือนประชาชนรวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ ต.บางกะไชย ต.พลิ้ว และ ต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เกี่ยวความเสี่ยงของสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ตามโครงการ “เกษตรกรปลอดภัย ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส” โดยนำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจัดหน่วยบริการตรวจหาสารพิษตกค้างในร่างกาย
นายแพทย์กฤษณ์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากมาให้ความรู้แล้ว ยังได้มีการ จัดแสดงตัวอย่างการกินอยู่อย่างปลอดภัย เช่น การสอนวิธีการดูหม้อต้มก๋วยเตี๋ยวที่ปลอดสารตะกั่ว การเลือกซื้อผักปลอดสารพิษซึ่งมีร่องลอยการกัดกินของหนอน การล้างผักขจัดสารเคมีตกค้าง การประกอบอาหารประเภทยำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และการตรวจหามะเร็งเต้านมเบื้องต้น เพื่อสร้างแกนนำหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ก่อนกลับไปเป็นเครือข่ายและแกนนำคนในชุมชน ให้รู้จักดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกต้อง และให้เกษตรกรรู้จักหลีกเลี่ยงการรับสารพิษจากการทำการเกษตร
โดยกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุข จ.จันทบุรี และสำนักงานสาธารณสุข อ.แหลมสิงห์ ร่วมมือกันจัดกิจกรรมขึ้นเป็นตัวอย่างก่อนขยายผลไปสู่ทุกพื้นที่ในจันทบุรี หลังจากตรวจสอบในช่วงที่ผ่านมา พบสารเคมีตกค้างในร่างกายของเกษตรกรอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยประมาณร้อยละ 20 เนื่องจากจังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 2.2 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 56 ของพื้นที่ทั้งหมด และประชากรส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 68 ประกอบอาชีพทำสวน หรือร้อยละ 40 เป็นครัวเรือนเกษตร ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ใช้สารเคมีในการเกษตรด้วย
วันนี้ (25 มี.ค.54 ) นายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี พร้อมคณะได้ลงพื้นที่กระตุ้นเตือนประชาชนรวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ ต.บางกะไชย ต.พลิ้ว และ ต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เกี่ยวความเสี่ยงของสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ตามโครงการ “เกษตรกรปลอดภัย ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส” โดยนำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจัดหน่วยบริการตรวจหาสารพิษตกค้างในร่างกาย
นายแพทย์กฤษณ์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากมาให้ความรู้แล้ว ยังได้มีการ จัดแสดงตัวอย่างการกินอยู่อย่างปลอดภัย เช่น การสอนวิธีการดูหม้อต้มก๋วยเตี๋ยวที่ปลอดสารตะกั่ว การเลือกซื้อผักปลอดสารพิษซึ่งมีร่องลอยการกัดกินของหนอน การล้างผักขจัดสารเคมีตกค้าง การประกอบอาหารประเภทยำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และการตรวจหามะเร็งเต้านมเบื้องต้น เพื่อสร้างแกนนำหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ก่อนกลับไปเป็นเครือข่ายและแกนนำคนในชุมชน ให้รู้จักดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกต้อง และให้เกษตรกรรู้จักหลีกเลี่ยงการรับสารพิษจากการทำการเกษตร
โดยกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุข จ.จันทบุรี และสำนักงานสาธารณสุข อ.แหลมสิงห์ ร่วมมือกันจัดกิจกรรมขึ้นเป็นตัวอย่างก่อนขยายผลไปสู่ทุกพื้นที่ในจันทบุรี หลังจากตรวจสอบในช่วงที่ผ่านมา พบสารเคมีตกค้างในร่างกายของเกษตรกรอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยประมาณร้อยละ 20 เนื่องจากจังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 2.2 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 56 ของพื้นที่ทั้งหมด และประชากรส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 68 ประกอบอาชีพทำสวน หรือร้อยละ 40 เป็นครัวเรือนเกษตร ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ใช้สารเคมีในการเกษตรด้วย
