ประปาบุรีรัมย์เร่งของบสูบน้ำสำรอง - หลังน้ำดิบในอ่างแห้งขั้นวิกฤต

บุรีรัมย์ - ประปาบุรีรัมย์ของบการประปาส่วนภูมิภาค 1 ล้าน เร่งสูบน้ำเติม “อ่างห้วยจระเข้มาก” สำรองไว้เป็นน้ำดิบผลิตประปา หลังปริมาณน้ำลดต่ำเหลือเพียง 7 ล้าน ลบ.ม.เข้าขั้นวิกฤต หวั่นไม่เพียงพอผลิตประปาป้อน “เมืองบุรีรัมย์” พร้อมวอนประชาชนใช้น้ำประหยัดป้องกันขาดแคลนน้ำช่วงหน้าแล้ง

วันนี้ (25 มี.ค.) นายวิเชียร สินเธาว์ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หลังจากน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาบริการประชาชนในเขต อ.เมือง และ อ.ห้วยราช กว่า 20,000 ครัวเรือน มีปริมาณลดต่ำลงเหลือเพียง 7.8 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากปริมาณความจุอ่างกว่า 26 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต จึงเกรงจะไม่มีน้ำดิบเพียงพอในการผลิตประปาบริการประชาชนได้ตลอดช่วงหน้าแล้ง

จากกรณีดังกล่าวจึงได้เสนอของบประมาณไปยังการประปาส่วนภูมิภาคจำนวน 1 ล้านบาท มาดำเนินการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ไปกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากเพื่อสำรองไว้เป็นน้ำดิบในผลิตประปาบริการประชาชน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ การชลประทานก็ได้ทำการผันน้ำจากลำน้ำมาศมาเก็บสำรองไว้ในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากแล้วกว่า 1.5 ล้าน ลบ.ม.แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้น้ำมีการระเหยรั่วซึมเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 ล้าน ลบ.ม.รวมกับน้ำที่นำไปผลิตประปาอีกเดือนละ 700,000-800,000 ลบ.ม.จึงทำให้ปริมาณน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า น้ำในอ่างห้วยจระเข้มาก และน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดที่จะสูบมาเพิ่ม
เติม จะสามารถใช้เป็นน้ำดิบผลิตประปาได้จนถึงเดือน พ.ค.นี้ แต่หากหลังสิ้นเดือน พ.ค.แล้ว
ยังไม่มีฝนตกลงมาและระดับน้ำในอ่างไม่เพิ่มขึ้น การประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์ อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการกำหนดการปล่อยน้ำบริการประชาชนเป็นช่วงเวลา

ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้งนี้

“ในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงหน้าแล้ง ประกอบกับสภาพอากาศร้อน ทำให้ประชาชนในเขตบริการน้ำประปา กว่า 20,000 ครัวเรือนใช้น้ำเพิ่มขึ้นจากปกติ ฉะนั้นช่วงนี้ทางการประปาต้องใช้น้ำดิบในการผลิตประปาวันละ 25,000-26,000 ลบ.ม.หรือเฉลี่ยเดือนละ 700,000-800,000 ลบ.ม. จากช่วงปกติใช้น้ำดิบผลิตประปาเพียงวันละ 21,000-22,000 ลบ.ม.เท่านั้น จึงได้ขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและมีคุณค่า เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้งนี้ด้วย” นายวิเชียร กล่าว