จันทบุรี - เกิดพายุฤดูร้อนพัดสวนผลไม้ของเกษตรกรใน 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี เสียหายกว่า 200 ไร่ พบมีบ้านเรือนประชาชน และศาลาอเนกประสงค์ ได้รับความเสียหายด้วย ขณะที่เกษตรอำเภอ เทศบาลลงพื้นที่สำรวจความเสียหายแล้ว
วันนี้ (23 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเกษตรกรชาวสวนผลไม้ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 9 ตำบลตะเคียนทอง และ หมู่ที่ 6 และ หมู่ที่ 8 ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี ว่า เกิดพายุฤดูร้อนพัดสวนผลไม้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ขอให้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่มาทำข่าวช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนให้ด้วย
หลังรับแจ้งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่ที่ 9 ตำบลตะเคียนทอง และ หมู่ที่ 6 ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด เมื่อเดินทางไปถึงได้มีการประสานงานไปยังเกษตรอำเภอเขาคิชฌกูฎ นำโดย นายเรืองพจน์ ธารานาถ พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาผู้สื่อข่าวได้เข้าสำรวจความเสียหายปรากฏว่า พื้นที่หมู่ที่ 9 ที่เป็นสวนผลไม้ของ นายนิมล คังคะวิสุทธิ์ มีต้นทุเรียนกว่า 20 ต้น ถูกแรงลมพัดหักโค่นเสียหาย
นอกจากนี้ ยังพบลูกทุเรียนที่กำลังจะสามารถเก็บผลผลิตขายได้ในเดือนหน้าได้ร่วงหล่นไปทั่วบริเวณสวนกว่า 20 ตัน สร้างความสูญเสียไปกว่า 5-6 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางต่อไปยังสวนผลไม้ ของ นางวรากรณ์ ราชวัฒน์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/32 หมู่ที่ 6 ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี พบว่า มีสวนทุเรียนจำนวนกว่า 20 ต้น ถูกแรงลมพัดหักโค่นเสียหายด้วยเช่นกัน รวมทั้งมีลูกทุเรียนที่จะสามารถเก็บเกี่ยวในการส่งขายได้ในเดือนหน้าเหมือนกันร่วงหล่นเสียหายกว่า 20 ตัน เช่นกัน
พร้อมกันนี้ ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลพลวง และพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลตะเคียนทอง ก็ได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อนพัดสวนผลไม้เสียหายด้วยเช่นกัน คิดรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสวนผลไม้ของเกษตรกรใน 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน รวมกว่า 200 ไร่
ขณะเดียวกัน ยังพบศาลาอเนกประสงค์ หมู่ที่ 9 ตำบลตะเคียนทอง ถูกพายุพัดพังเสียหายกระจกแตก ประตูพังเสียหาย และมีบ้านเรือนของประชาชน จำนวน 3 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนหลังคาปลิวหายไปกับกระแสลม
ล่าสุด เกษตรอำเภอเขาคิชฌกูฎ ได้มีการสำรวจพื้นสวนผลไม้ของเกษตรกร ทั้ง 2 ตำบล 4 หมู่บ้านไว้หมดแล้ว และก็จะมีการช่วยเหลือในการจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับเกษตรกร ที่ได้รับความเดือดร้อนในไร่ละ 912 บาทต่อไป
