ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เสื้อแดงโคราชรับขวัญ “สุพร” แรมบ้าอีสาน ผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง กลับบ้านเกิดหลังหนีคดีซุกหัวชายแดนเขมรนานร่วม 10 เดือน มี “นายทหาร” ให้ที่กบดาน โผเข้าก้มกราบเท้าและกอดแม่เรียกน้ำตาก่อนแก้บน “ย่าโม” เผยชีวิต 10 เดือนเขียนหนังสือ 1 เล่ม เตรียมตีพิมพ์เร็วๆ นี้ ระบุเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ ปชช.91 ศพ และ สางคดี “อ้วน บัวใหญ่” การ์ดแดงฮาร์ดคอร์ถูกสังหาร ยันจะนำพ่อ “นช.แม้ว” กลับบ้าน อ้างทักษิณไม่โกง ยอมรับคิดหนักไม่กล้าร่วมม็อบแดงถ่อย 19 มี.ค.ผวาได้นอนคุก
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มคนเสื้อแดงโคราช กว่า 50 คน นำโดย นายอนุวัฒน์ ทินราช, นายจรุณพงษ์ ศรีพันธุ์นคร (ยอดยิ่ง เลิศด้วยลาภ) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต อ.พิมาย และ นายสมโภชน์ ประสาทไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต อ.เมือง
นายจักรวุฒิ ไตรวัลลภ “ตี๋ไก่” แกนนำเสื้อแดงโคราช 51 และ นางสาวปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ หรือ “เจ๊แดง” แกนนำกลุ่มคนของแผ่นดินลูกหลานย่าโม จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ได้รวมตัวกันรอต้อนรับ นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีต ส.ส.นครราชสีมา 1 ใน 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองกลับภูมิลำเนา หลังได้รับการประกันตัวจากดีเอสไอในคดีผู้ก่อการร้าย พร้อมชูป้ายระบุข้อความ “ยินดีต้อนรับ นักสู้อีสาน แรมโบ้” และ “คนเสื้อแดงโคราชต้อนรับกลับบ้าน วีรบุรุษอีสาน แรมโบ้ สุพร อัตถาวงศ์” เป็นต้น
ต่อมา นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือ “แรมบ้าอีสาน” พร้อม นายวันชนะ เกิดดี และ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัฐ แกนนำกลุ่ม นปช.ได้เดินทางมายังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ท่ามกลางการต้อนรับของคนเสื้อแดงโคราชอย่างอบอุ่น โดยมีการมอบดอกกุหลาบสีแดงและร้องตะโกนต้อนรับกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทันทีที่ นายสุพร เห็น นางสุ้น อัตถาวงศ์ มารดาที่เดินทางจาก อ.ครบุรี มารอต้อนรับ พร้อม นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ น้องชาย นายสุพร ได้ก้มลงกราบเท้านางสุ้น และโผเข้ากอดทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ
จากนั้นได้ทำพิธีแก้บนด้วยเครื่องเซ่นไหว้ และสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ก่อนมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว นายศักดิ์นรินทร์ กองแก้ว หรือ อ้วน บัวใหญ่ การ์ด นปช.กลุ่มฮาร์ดคอร์ ที่ถูกสังหารเสียชีวิตหลังกลับจากชุมนุมที่กรุงเทพฯ จำนวน 50,000 บาท และเดินทางกลับ อ.ครบุรี บ้านเกิดซึ่งมีการจัดบายศรีสู่ขวัญต้อนรับด้วย
นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.และ ผู้ต้องหาก่อการร้าย เปิดเผยว่า หลังจากที่ต้องหลบหนีคดีข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายไปถึงเกือบ 10 เดือนเต็ม ตนได้ให้มารดาและญาติรวมถึงคนเสื้อแดงโคราชมาบนบานคุณย่าโมไว้ว่า หากวันใดที่ตนได้กลับมาสู่เมืองไทยและได้รับการประกันตัวจะมาแก้บนย่าโม ซึ่งได้บนเพลงโคราชไว้ 9 คณะ พร้อมเครื่องแก้บนต่างๆ ครบถ้วน เมื่อได้รับการประกันตัวแล้วจึงเดินทางกลับมาแก้บนทันทีในวันนี้ เนื่องจากส่วนตัวเคารพคุณย่าอย่างมาก และเชื่อว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ รักลูกหลานของท่าน และอยากให้ตนกลับมาทำงานให้บ้านเมืองโดยเฉพาะเมืองโคราช
นายสุพร กล่าวอีกว่า มาถึงวันนี้ยังมั่นใจว่าสิ่งที่ได้ต่อสู้มานั้น เป็นการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเพื่อให้มีการยุบสภา และตนไม่ได้มีการสั่งการให้ไปดำเนินการเรื่องความรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้น การกล่าวหาว่าเผาบ้านเผาเมืองไม่เป็นข้อเท็จจริง เรื่องนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะได้อภิปรายและชี้แจงในสภา ใน 1-2 วันนี้ เพื่อจะเห็นว่าคนที่เผาบ้านเผาเมืองจริงๆ แล้วไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่เป็นกลุ่มที่ใส่รองเท้าบูทเข้าไปเผาในเซ็นทรัลเวิลด์ และการกล่าวหาว่า พวกเรามีกองกำลังชุดเสื้อดำ ซึ่งเราไม่รู้ว่าชุดเสื้อดำคือใคร และสิ่งที่สำคัญคือ กลุ่มประชาชน 91 ศพที่ถูกฆ่าตายนั้นไม่มีอาวุธแม้แต่คนเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกกระสุนที่รุนแรง คือ สไนเปอร์ เจาะที่บริเวณหัว
สิ่งที่ตนกลับมาครั้งนี้จะมาติดตามคดีกรณีของ “อ้วน บัวใหญ่” นายศักดิ์นรินทร์ กองแก้ว ซึ่งเป็นน้องรักได้ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งอ้วนเป็นนักต่อสู้เป็นวรีชนของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ต้องมาถูกฆาตกรรมเช่นนี้ก็ทำใจไม่ได้ ระหว่างที่ตนหลบอยู่ทราบข่าวเรื่องนี้ก็รู้สึกเสียใจมากไม่สามารถมาร่วมงานศพของอ้วนได้ ตอนนี้ตนได้รวบรวมเงินส่วนตัวที่เก็บออมไว้จำนวน 50,000 บาทมอบให้กับครอบครัวของอ้วนบัวใหญ่ได้เก็บไว้ใช้ เพราะถือว่าอ้วนบัวใหญ่เป็นวีรชนคนกล้า เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวโคราช
ต่อข้อถามว่าตลอดเวลา 10 เดือนที่หลบหนี้นั้น ไปกบดานที่ใดและใช้ชีวิตอย่างไร นายสุพร กล่าวว่า ในช่วงที่หลบหนีได้ไปอาศัยอยู่บ้านพักในป่า ซึ่งมีนายทหารใจดีคนหนึ่งให้การดูแลอย่างดีและอย่างใกล้ชิด ริมชายแดนของภาคอีสาน ระหว่างรอยต่อ จ.อุบลราชธานี- ศรีสะเกษ ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ที่รักบ้านรักเมืองรักประชาธิปไตย เขาก็มองว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา เป็นความผิดที่ฝ่ายรัฐบาลโยนให้เท่านั้นเอง เพราะเราไม่ได้คิดที่จะไปก่อความรุนแรงอะไร เมื่อเราถูกกล่าวหาก็ต้องหลบไปก่อน ซึ่งได้ให้ทนายไปติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วจะกลับมา
จนกระทั่งมันเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเกิดการเจรจาปรองดองขึ้นมา ก็คิดว่าบรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น จึงกลับมามอบตัว และต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมต่อไป และพร้อมกลับเข้ามาสู่ขบวนการเลือกตั้งเพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู่ประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง
“หลังจากนี้ ผมยังถูกข้อห้ามของดีเอสไอ ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามยุยง ปลุกปั่นโดยเฉพาะของผมหนักกว่าคนอื่น คือ ห้ามกระทั่งขึ้นเวทีปราศรัย ห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แต่การมาพบปะญาติพี่น้องไม่เป็นไร การรวมกลุ่มทำบุญกับญาติพี่น้องไม่เป็นไร แต่ห้ามขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อยั่วยุ หรือก่อการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือปิดถนนต่างๆ แต่ผมยืนยันว่า การห้ามนั้นผิดหลักรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 63 ชัดเจนว่า สิทธิเสรีภาพ การเคลื่อนไหวชุมนุมอย่างสงบสันติ เป็นไปตามหลักของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 อยู่แล้ว การที่ดีเอสไอออกมาห้ามก็ยังขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ” นายสุพร กล่าว
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 มี.ค.นี้จะเข้าไปรวมหรือไม่นั้น จะขอคิดดูก่อน เพราะ ดีเอสไอนัดให้เข้าพบในวันที่ 5 เม.ย.นี้ หากผมไปชุมนุมวันที่ 19 มี.ค.นี้ เมื่อถึงวันนัดหมายแล้ว ดีเอสไอขอถอนประกันตัวก็คงลำบากใจเช่นกัน เพราะไม่อยากเข้าไปอยู่ในคุก เพราะการนำเราไปตีตรวนหรือกักขังในเรือนจำเรารับไม่ได้
นายสุพร กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่หลบหนีนั้น ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งจะออกเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “ล้มลุกคลุกคลานกว่าจะเป็นแรมโบ้อีสาน” เขียนไว้ประมาณ 200 กว่าหน้า ได้คิดได้อะไรหลายอย่างที่จะกลับมาทำงานให้เมืองโคราช ทำให้โคราชมีเอกภาพหลังการเลือกตั้ง และอยากเห็นบ้านเมืองไทยปรองดอง รักสามัคคีกันเดินหน้าพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าเรียกร้องหาความจริงก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณี 91 ศพ ซึ่งได้แจ้งความกล่าวหานายกรัฐมนตรีในข้อหาสั่งการ, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และคณะกรรมการ ศอฉ.และกลุ่มคนเสื้อแดงได้เรียกร้องต่อศาลโลก ฉะนั้นคนที่สั่งการฆ่าประชาชนก็อยู่ในกระบวนการของกฎหมายอยู่แล้ว ต้องไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม และต้องมีผู้รับผิดชอบ
ขอยันยันว่า เราไม่ปล่อยให้พี่น้องประชาชนของเรา ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ที่มาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยต้องตายฟรี เราจะต้องหาคนรับผิดชอบและคนสั่งฆ่ามาให้ได้โดยเฉพาะการอภิปรายในสภา ได้หลักฐานมามาก ทั้งการรับสารภาพของทหาร
ต่อข้อถามที่ว่ายังยืนยันที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาประเทศไทยหรือไม่ นายสุพร กล่าวว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นก็ไม่มี ทำผิดอะไรก็ไม่มี มีเรื่องเดียว คือ เซ็นยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดิน และมีที่ไหนในโลกสามีภรรยาก็เซ็นมอบให้กันได้ แต่ศาลมาตัดสินจำคุก 2 ปี อย่างนี้มันไม่ยุติธรรม
“ฉะนั้น เราต้องเอาความยุติธรรมกลับคืนให้ท่าน ส่วนท่านจะมาเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ในเบื้องต้นในฐานะท่านเป็นคนไทย ไม่ได้รับความยุติธรรมต้องเอาท่านกลับมาสู่มาตุภูมิ มาสู่ครอบครัวที่อบอุ่นของท่านให้ได้” นายสุพร กล่าว