กาฬสินธุ์ - ตัวแทนภาคประชาชนชาวกาฬสินธุ์ จาก 18 อำเภอกว่า 2,000 คน บุกศาลากลางจังหวัดต้านสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่ อบต.หัวหิน เผยจุดก่อสร้างห่างจากเขื่อนลำปาวไม่ถึง 10 กม.พร้อมประกาศเดินหน้าคัดค้านและขับไล่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯระบุ เพิ่งรู้ข้อมูลเป็นทางการครั้งแรก พร้อมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่ ประกาศชัดเจนน้ำในเขื่อนลำปาวจะต้องถูกใช้เพื่อการเกษตร การอุปโภค บริโภค ของพี่น้องชาวกาฬสินธุ์เท่านั้น
วันนี้ (15 มี.ค.) เวลา 10.30 น.ภายหลังจากตัวแทนภาคประชาชนได้ชุมนุมต่อต้านคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ได้มีการก่อสร้างขุดเจาะในพื้นที่อบต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ โดยชาวบ้านกว่า 1,000 คนได้ รวมตัวกันประท้วงที่บริเวณหน้าที่ว่าการอ.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ในช่วงเช้า
หลังจากนั้นกลุ่มตัวแทนภาคประชาชนได้เคลื่อนขบวนเข้ามาที่ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีประชาชนจากเครือข่ายต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 6 จังหวัดภาคอีสาน นำโดย ด้านนางฐานมญ คำนึง ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย(คปท.) เดินทางเข้ามาสมทบทำให้มีผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่า 2,000 คน ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของทั้งทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.อย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ประชาชนได้นำแผ่นป้ายประณามการกระทำของ ส.ส.ในพื้นที่ ที่ได้มีการแอบอ้างความต้องการของชาวบ้าน ส่งต่อไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนถึงขั้นมีการขุดเจาะเพื่อเตรียมก่อสร้างในพื้นที่แล้ว นอกจากนี้บรรยากาศการปราศรัยโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีความเข้มข้นและดุดันเป็นระยะ
โดยเฉพาะการประกาศเจตนารมณ์คนกาฬสินธุ์ไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และพร้อมเดินหน้าขับไล่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกจากพื้นที่ทุกรูปแบบ โดยนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มารับหนังสือคัดค้านจากประชาชนด้วยตนเอง
นายสุรงค์ยศ เสนา ในฐานะหนึ่งในแกนนำภาคประชาชนคนกาฬสินธุ์ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าว ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างที่บ้านโนนสมบูรณ์ ม.6 ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ มีเขตติดต่อกับเขื่อนลำปาวห่างไม่ถึง 10 กม.ที่ถือว่าเป็นการเบียดบังเอาน้ำของคนกาฬสินธุ์ไปใช้เพื่อสร้างสัญญาณแห่งความตายให้กับชาวกาฬสินธุ์
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังมีการก่อสร้างและขุดเจาะนั้น เป็นการกระทำของ ส.ส.ในพื้นที่ ที่อ้างความต้องการของประชาชน อ้างแม้กระทั่งว่ามีการทำประชาพิจารณ์ ทั้งที่จริงไม่มีการทำอะไรเลย ก่อนจะนำเสนอการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อนำโครงการมาลงในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองและข้าราชการ
ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าว เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว โดยจะใช้พื้นที่ประมาณกว่า 4,000 ไร่ ตอนนี้คนกาฬสินธุ์อยู่ไม่สุข เพราะหวั่นเกรงเกิดผลกระทบระยะยาว ทั้งต่อคุณภาพชีวิตและระบบนิเวศ และไม่ต้องการให้กาฬสินธุ์เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในภาวะอันตรายจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งทุกคนที่มามีความต้องการคัดค้านและยื่นหนังสือประกาศเจตนารมณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ แสดงความชัดเจนที่จะต่อต้านให้ถึงที่สุด
โดยไม่ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เด็ดขาด
“การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนกกับชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถือเป็นมหาภัยนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศไทย”
ด้าน นางฐานมญ คำนึง ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย(คปท.) กล่าวว่า จากการดำเนินงานของมวลชนบางกลุ่มในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเขตอ.ห้วยเม็ก ได้สร้างความตื่นตระหนกกับประชาชนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะได้เห็นความเสียหายรุนแรงจากกรณีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดในประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับที่ตอนนี้กำลังมีการดำเนินการก่อสร้าง จึงได้รวมตัวกันประท้วง และยื่นหนังสือคัดค้านต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดกับชาวกาฬสินธุ์ หรือคนไทยทั้งประเทศ เครือข่ายพลเมืองประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (คปท.) ในจังหวัดกาฬสินธุ์และพี่น้องอีกหลายจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด จึงได้รวมพลังคัดค้านในครั้งนี้
ขณะที่ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การตื่นตัวและคัดค้านของชาวบ้านทำให้ตนรู้เรื่องอย่างเป็นทางการว่าจะมีการก่อสร้างในพื้นที่จริง เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าฝ่ายไหนไม่เคยแจ้งข้อมูลแสดงรายละเอียดให้ทราบมาก่อน
แม้กระทั่งเขื่อนลำปาวที่เป็นแหล่งน้ำเพียงแหล่งเดียวของจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่จะมีการเอื้อประโยชน์ด้วยการส่งน้ำให้กับโรงไฟฟ้าฯ ที่ตามกระบวนการแล้วการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะต้องผ่านมติ ครม.และประชาชนต้องการให้ผ่านกระบวนการประชาคม สำหรับการแก้ไขหรือแนวทางที่จะดำเนินการใดๆ ทั้งนี้ จะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องอย่างเร่งด่วน
“ยืนยันกับพี่น้องชาวกาฬสินธุ์เลยว่า เขื่อนลำปาว ที่เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของ จ.กาฬสินธุ์ มีเพียงแห่งเดียวทุกวันนี้น้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค ก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว แต่จะให้แบ่งปันน้ำเพื่อไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน น้ำในเขื่อนลำปาวต้องให้พี่น้องกาฬสินธุ์ไว้ใช้เท่านั้น”
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับหนังสือคัดค้านและฟังคำแถลงการณ์แล้วได้ชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหา ที่ได้สร้างความพอใจให้กับผู้ชุมนุมและแยกย้ายกันกลับโดยสงบ