อุบลราชธานี - ตำรวจอุบลฯจับตำรวจด้วยกันยศ “พ.ต.ท.” ร่วมแก๊งนายหน้าเรียกค่าไถ่รถจำนำ เบื้องต้น พ.ต.ท.สารวัตรสืบสวนที่ตกเป็นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ส่วนการดำเนินคดีด้านวินัยต้นสังกัดเสนอความเห็นให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 สั่งไปช่วยราชการหรือพักราชการไว้ก่อนระหว่างถูกดำเนินคดีแล้ว
สืบเนื่องจากชุดปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี บุกจับ นางพิตะวัน ลินด์ลีย์ ผู้ติดต่อเช่ารถจากที่ต่างๆ ก่อนนำมาจำนำไว้กับ นายวีระพงษ์ พูนเพิ่ม และนำรถไปซุกซ่อนรอการขอไถ่จากเจ้าของในพื้นที่ ต.ปทุม อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตามยึดคืนรถมาได้จำนวน 21 คัน เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (11 มี.ค.) พ.ต.อ.เกษมศักดิ์ หะซะนี รอง ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี หน.ชุดสอบสวนคดีดังกล่าว ได้ขอศาลจังหวัดอุบลราชธานี ออกหมายจับผู้ร่วมในขบวนการเพิ่มอีก 6 คน รวมเป็น 8 ราย โดยหนึ่งในผู้ต้องหาทีี่ถูกออกหมายจับมี พ.ต.ท.โอภาส ไหมแพง สว.สส.สภ.ห้วยขยุง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รวมอยู่ด้วยตามหมายจับของศาลจังหวัดที่ จ.109/2554 ลงวันที่ 10 มี.ค.ข้อหาเป็นซ่องโจรเพื่อร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์
พ.ต.ท.โอภาส จึงได้มาแสดงตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี พร้อมให้การภาคเสธว่า รู้จักคนในกลุ่มที่ถูกออกหมายจับ แต่ไม่ได้ร่วมในขบวนการด้วย หลังเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนปากคำนานประมาณ 1 ชั่วโมง ได้นำตัว พ.ต.ท.โอภาส ไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมกับคัดค้านการขอประกันตัว เพราะเกรงจะทำให้เสียรูปคดี ส่วน พ.ต.ท.โอภาส กล่าวสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวว่า ขอให้การปฏิเสธและจะขอสู้คดีตามกระบวนการในชั้นศาลต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.เกษมศักดิ์ หน.ชุดสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า การจับกุมแก๊งรับจำนำรถรายนี้ เพราะ พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในจังหวัดอีสานใต้ มีคนมาขอเช่าซื้อรถ หรือขอเช่าเป็นรายวันและรายเดือน หลังจากนั้นนำรถไปจำนำกับนายหน้ารับจำนำในตัวเมืองอุบลราชธานี เพื่อเอาเงินส่วนต่างไปเล่นการพนันในบ่อนประเทศกัมพูชา
หรือเล่นพนันออนไลน์ในประเทศไทย ทำให้เจ้าของรถที่ถูกเช่ารถมาได้รับความเดือดร้อน ต้องติดตามขอไถ่รถคืนจากแก๊งรับจำนำเป็นมูลค่าสูงคันละ 2-3 แสนบาท
ต่อมาชุดสืบสวนเข้าจับกุมผู้ต้องหารายแรกได้ 2 คน นำตัวมาสอบสวนขยายผล กระทั่งสามารถจับ น.ส.ทัศนีย์ วันทา อายุ 37 ปี ได้เมื่อวานนี้
ขณะเดียวกัน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาและผู้เสียหายได้ให้การเชื่อมโยงไปถึง พ.ต.ท.โอภาส โดยเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ติดต่อนำรถที่คนร้ายนำมาจำนำกลับคืนให้เจ้าของรถ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินค่าไถ่รถ รวมทั้งดอกเบี้ยและค่าดำเนินการตามสภาพรถ และการรับจำนำไว้
เมื่อการสอบสวนได้หลักฐานชัดเจน จึงขอศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.โอภาส และพวกที่เหลืออยู่อีก 4 ราย ประกอบด้วย นายพิทยา ศักดิ์กิจจรุง อายุ 40 ปี น.ส.ปรียากร ตั้งศิริวัฒนกุล อายุ 40 ปี ทั้ง 2 คน ทำหน้าที่เจรจาต่อรองกับเจ้าของรถ เพื่อเรียกรับเงินก่อนนำรถไปคืนให้ ส่วน นางศิริพร บางหลวง อายุ 29 ปี และ นางวิไล พูลสิทธิ์ อายุ 61 ปี จะตระเวนขอเช่ารถแล้วนำมาจำนำ โดยคนทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชาญพนา ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี กล่าวถึงการเอาผิดด้านวินัยกับ พ.ต.ท.โอภาส เบื้องต้นตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนความผิดของ พ.ต.ท.โอภาส พร้อมเสนอความเห็นให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการนอกพื้นที่ หรือสั่งพักราชการ พ.ต.ท.โอภาส ระหว่างต้องคดีไว้ก่อนแล้ว