อุบลราชธานี - ตร.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จับแก๊งอ้างโครงการในพระราชดำริ ฝากเข้าทำงานในโครงการหลวง มีคนหลงกลจ่ายค่านายหน้าค่าเข้าทำงาน 51 ราย เสียเงินไปรวมกันกว่า 2 ล้านบาท เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพถูกหลอกมาเช่นกัน พร้อมซัดทอดเพื่อนร่วมแก๊งที่ยังหลบหนีอีก 4 คน ซึ่งตำรวจออกหมายจับมาดำเนินคดีฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนต่อไปแล้ว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้(28 เม.ย.) พ.ต.อ.มงคล ลิ้มสุวรรณ ผกก.สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ควบคุมตัวนายเฉลิมศักดิ์ มีสานุ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 21 บ้านศิลาทอง ต.ตาจง อ.ละหารทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกองงานในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทำให้มีประชาชนอายุระหว่าง 18-30 ปี หลงเชื่อมอบเงินให้รายละ 40,000 บาท เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท หวังให้นายเฉลิมศักดิ์และพวกฝากเข้าทำงานกับโครงการหลวงต่างๆ
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายเฉลิมศักดิ์ ซึ่งเป็นเกย์ยอมรับว่า ตนและครอบครัวก็ถูกนายกิตติศักดิ์ ศุภาสูนย์ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นคู่เกย์รู้จักกันผ่านการเล่นแชททางอินเตอร์เน็ตชักชวนให้มาทำงานในโครงการดังกล่าว โดยเสียเงินค่าแรกเข้าทำงาน 20,000 บาท เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ต่อมานายกิตติศักดิ์ ซึ่งร่วมกับนายราเชนทร์ และนางลำไพ บุญทัน ที่อ้างตัวเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง และนายเด่น ไม่ทราบนามสกุล เช่าบ้านในหมู่บ้านเอื้ออาทรโครงการ 3 อ.วารินชำราบ ใช้เป็นที่พักและอบรมผู้ต้องการเข้าทำงานในโครงการดังกล่าว
ทำให้มีคนหลงเชื่อจากอำเภอต่างๆของจังหวัดอุบลราชธานี สมัครเข้าทำงานและเสียเงินค่านายหน้าคนละ 40,000 บาท จำนวน 51 ราย เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท กระทั่งกลางเดือนเมษายนนี้ มีคนสงสัยในพฤติกรรม จึงร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาสืบสวน ทำให้นายกิตติศักดิ์ รวมทั้งตนและเพื่อนในแก๊งพากันหลบหนี แต่ตัดสินใจใหม่ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเล่าความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง
โดยนายเฉลิมศักดิ์ระบุว่า นอกจากตนที่ต้องเสียเงินแล้ว พี่ชายน้องชายยังถูกหลอกด้วย ส่วนพ่อแม่ก็ถูกนายกิตติศักดิ์หลอกยืมเงินไปอีกกว่า 90,000 บาท
ด้าน พ.ต.อ.มงคล เปิดเผยว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหานายเฉลิมศักดิ์ และนายกิตติศักดิ์ คู่เกย์ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนได้ขอศาลออกหมายจับตัวเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลืออีก 4 ราย ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดยืนยันมีส่วนหลอกต้มตุ๋น เพื่อควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไปด้วย
