กาญจนบุรี - 4 ชาวกะเหรี่ยงสุดโหดรุมแทงหัวหน้าคนงานอู่เคาะพ่นสีชาวมอญดับกลางบ้านพัก ที่อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี ก่อนอาศัยความมืดหลบหนีลอยนวล เผยแค้นที่ผู้ตายต่อว่าเรื่องทิ้งขยะ
เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (7 มี.ค.) ร.ต.อ.สุนทร ทรัพย์พนาพรชัย พงส.สบ.1 สภ.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ว่าเกิดเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านพักคนงานบริเวณอู่เคาะพ่นสี กาญจนบุรีบัส เลขที่ 118 หมู่ 6 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งเหตุจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรีบนำกำลังไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงสถานที่เกิดเหตุ เป็นบ้านยกสูงชั้นเดียว ปลูกอยู่กลางสระน้ำ บริเวณชานหน้าบ้านพบศพเป็นชายนอนเสียชีวิต มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ลักษณะนอนหงายไม่ใส่กางเกง สวมเสื้อยืดเพียงตัวเดียว สภาพศพถูกอาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 นิ้วแทงเข้าที่บริเวณลำคอด้านขวา 1 แผล กลางหน้าอกบริเวณลิ้นปี่ 1 แผล และชายโครงด้านขวาอีก 1 แผล เจ้าหน้าที่พบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 นิ้ว พร้อมปลอกมีดซึ่งเป็นของคนร้ายและมีคราบเลือดติดอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทราบชื่อต่อมาคือ นายหม่อง ไม่มีนามสกุล อายุ 38 ปี แรงงานต่างด้าวชาวมอญ อาชีพหัวหน้าอู่เคาะพ่นสีของบริษัท กาญจนบุรีบัส
นางศรัญญา ติบันเทิง เจ้าของอู่เคาะพ่นสี เปิดเผยว่า นายหม่องเป็นหัวหน้าคนงานที่อู่ ซึ่งเป็นคนนิสัยดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เป็นคนเจ้าระเบียบรักสะอาด โดยทำงานที่อู่มานานกว่า 3 ปี และเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมามีคนงานชาวกะเหรี่ยง 4 คนเข้ามาทำงานที่อู่ ชื่อนาย สี นายบู นายใน และนายถ้วย ซึ่งทั้งหมดมีอายุ 18 ปีเท่ากัน
ทั้ง 4 คนอาศัยอยู่บ้านพักคนงานที่อยู่ด้านหน้าบ้านพักของนายหม่องผู้ตายเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ขณะกำลังทำงานนายหม่องได้ว่ากล่าวตักเตือนคนงานชาวกะเหรี่ยงทั้ง 4 คนเนื่องจากทำงานไม่เรียบร้อย และชอบทิ้งขยะไปทั่วบริเวณอู่ สร้างความไม่พอใจให้แก่คนงานชาวกะเหรี่ยงทั้ง 4 คนจนเกิดมีปากมีเสียงกันขึ้น แต่ตนฟังภาษากะเหรี่ยงไม่รู้เรื่องจึงไม่รู้คุยกันเรื่องอะไร แต่ดูจากอาการขณะทะเลาะกัน กะเหรี่ยงทั้ง 4 คนมีอาการโกรธมาก โดยเฉพาะนายสี กับนายบู
ก่อนเกิดเหตุ คนงานกะเหรี่ยงทั้ง 4 คนได้ไปซื้อเหล้าขาวมาดื่มกินจนเมา พอตกดึกขณะที่คนงานรวมทั้งตนกำลังนอนพักผ่อนก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายกันดังลั่น ทุกคนจึงตื่นขึ้นมาและเดินไปที่บ้านพักนายหม่อง พบว่านายหม่องถูกแทงจนเสียชีวิต ส่วนนางยี ภรรยาของนายหม่องถูกกระทืบเข้าที่ด้านหลังและคนร้ายใช้มีดแทงเข้าที่บริเวณสะโพกเอวด้านขวาแต่แทงไม่เข้าและสามารถวิ่งหนีได้ทัน และพบว่าคนงานชาวกะเหรี่ยงทั้งสี่คนได้หลบหนีไปแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.วิเชียร ยางงาม สวญ.สภ.หนองขาว กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าคนร้ายทั้งสี่คนอาจจะหลบซ่อนตัวแต่เนื่องจากขณะนั้นบรรยาอากาศมืดมาก ทำให้คนร้ายทั้งสี่หลบหนีไปได้ แต่อย่างไรก็ตามขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะประสานไปยังสถานีตำรวจท้องที่ตามแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นการหลบหนีออกนอกประเทศ และจะติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (7 มี.ค.) ร.ต.อ.สุนทร ทรัพย์พนาพรชัย พงส.สบ.1 สภ.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ว่าเกิดเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านพักคนงานบริเวณอู่เคาะพ่นสี กาญจนบุรีบัส เลขที่ 118 หมู่ 6 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งเหตุจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรีบนำกำลังไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงสถานที่เกิดเหตุ เป็นบ้านยกสูงชั้นเดียว ปลูกอยู่กลางสระน้ำ บริเวณชานหน้าบ้านพบศพเป็นชายนอนเสียชีวิต มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ลักษณะนอนหงายไม่ใส่กางเกง สวมเสื้อยืดเพียงตัวเดียว สภาพศพถูกอาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 นิ้วแทงเข้าที่บริเวณลำคอด้านขวา 1 แผล กลางหน้าอกบริเวณลิ้นปี่ 1 แผล และชายโครงด้านขวาอีก 1 แผล เจ้าหน้าที่พบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 นิ้ว พร้อมปลอกมีดซึ่งเป็นของคนร้ายและมีคราบเลือดติดอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทราบชื่อต่อมาคือ นายหม่อง ไม่มีนามสกุล อายุ 38 ปี แรงงานต่างด้าวชาวมอญ อาชีพหัวหน้าอู่เคาะพ่นสีของบริษัท กาญจนบุรีบัส
นางศรัญญา ติบันเทิง เจ้าของอู่เคาะพ่นสี เปิดเผยว่า นายหม่องเป็นหัวหน้าคนงานที่อู่ ซึ่งเป็นคนนิสัยดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เป็นคนเจ้าระเบียบรักสะอาด โดยทำงานที่อู่มานานกว่า 3 ปี และเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมามีคนงานชาวกะเหรี่ยง 4 คนเข้ามาทำงานที่อู่ ชื่อนาย สี นายบู นายใน และนายถ้วย ซึ่งทั้งหมดมีอายุ 18 ปีเท่ากัน
ทั้ง 4 คนอาศัยอยู่บ้านพักคนงานที่อยู่ด้านหน้าบ้านพักของนายหม่องผู้ตายเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ขณะกำลังทำงานนายหม่องได้ว่ากล่าวตักเตือนคนงานชาวกะเหรี่ยงทั้ง 4 คนเนื่องจากทำงานไม่เรียบร้อย และชอบทิ้งขยะไปทั่วบริเวณอู่ สร้างความไม่พอใจให้แก่คนงานชาวกะเหรี่ยงทั้ง 4 คนจนเกิดมีปากมีเสียงกันขึ้น แต่ตนฟังภาษากะเหรี่ยงไม่รู้เรื่องจึงไม่รู้คุยกันเรื่องอะไร แต่ดูจากอาการขณะทะเลาะกัน กะเหรี่ยงทั้ง 4 คนมีอาการโกรธมาก โดยเฉพาะนายสี กับนายบู
ก่อนเกิดเหตุ คนงานกะเหรี่ยงทั้ง 4 คนได้ไปซื้อเหล้าขาวมาดื่มกินจนเมา พอตกดึกขณะที่คนงานรวมทั้งตนกำลังนอนพักผ่อนก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายกันดังลั่น ทุกคนจึงตื่นขึ้นมาและเดินไปที่บ้านพักนายหม่อง พบว่านายหม่องถูกแทงจนเสียชีวิต ส่วนนางยี ภรรยาของนายหม่องถูกกระทืบเข้าที่ด้านหลังและคนร้ายใช้มีดแทงเข้าที่บริเวณสะโพกเอวด้านขวาแต่แทงไม่เข้าและสามารถวิ่งหนีได้ทัน และพบว่าคนงานชาวกะเหรี่ยงทั้งสี่คนได้หลบหนีไปแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.วิเชียร ยางงาม สวญ.สภ.หนองขาว กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าคนร้ายทั้งสี่คนอาจจะหลบซ่อนตัวแต่เนื่องจากขณะนั้นบรรยาอากาศมืดมาก ทำให้คนร้ายทั้งสี่หลบหนีไปได้ แต่อย่างไรก็ตามขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะประสานไปยังสถานีตำรวจท้องที่ตามแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นการหลบหนีออกนอกประเทศ และจะติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป