เพชรบุรี - ตำรวจบ้านแหลม จับกุมตัวคนร้ายในคราบผ้าเหลือง ที่ก่อเหตุทุบเจดีย์เก็บอัฐิบรรพบุรุษของวัดลักษณาราม ได้แล้ว 1 คนพร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของญาติผู้ตาย ซึ่งขณะที่กำลังทำแผนมีชายคนหนึ่งเดินเข้าไปทำร้ายผู้ต้องหา ด้วยความโกรธแค้นจนได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (4 มี.ค.) พ.ต.อ.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ ผกก.สภ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธรรมวุฒิ วิเชียรมณีโชติ หัวหน้าชุดจับกุม ร.ต.อ.เสกสรร บุญเลิศ พนักงานสอบสวนและกำลังตำรวจกว่า 10 นาย ได้ควบคุมตัวนายณรงค์ชัย เลียบดี อยู่บ้านเลขที่ 1/6 บ้านชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหาที่ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่หลังลงมือก่อเหตุทุบเจดีย์เก็บอัฐิบรรพบุรุษของวัดลักษณาราม อ.บ้านแหลม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ทั้งนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายณรงค์ชัย เลียบดี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ได้มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็น 1 ในญาติของผู้เสียหายจากกรณีถูกคนร้ายทุบเจดีย์เก็บอัฐิบรรพบุรุษที่วัดลักษณาราม อ.บ้านแหลม ได้เดินเข้าไปชกต่อยทำร้ายร่างกาย นายณรงค์ชัย เลียบดี จนคิ้วซ้ายแตกเลือดอาบหน้าเป็นแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำไปเย็บบาดแผลที่โรงพยาบาลบ้านแหลม
สำหรับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น จุดแรกเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนที่ที่กุฏิสงฆ์ในวัดลักษณาราม โดยขณะนั้น นายณรงค์ชัย เลียบดี ผู้ต้องหารายนี้พร้อมเพื่อน คือ นายณรงค์ชัย ยงศิริ ที่บวชเป็นพระภิกษุและจำวัดอยู่ที่วัดเขื่อนเพชร อ.ท่ายาง ได้ย้ายมาจำวัดอยู่ภายในห้องที่กำลังชี้ให้เห็นอยู่นี้ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากนั้นในคืนวันที่ 18 และ 19 พ.ย.53 ได้ลงมือออกก่อเหตุทุบเจดีย์เก็บอัฐิบรรพบุรุษของชาวบ้านที่นำมาเก็บไว้ที่สุสานเก็บกระดูกของวัดลักษณาราม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด ได้เงินเป็นเหรียญชนิดต่างๆ ไป 800 บาท ก่อนจะนำไปแบ่งกันคนละ 400 บาท และซื้อเบียร์มานั่งดื่มกัน
สำหรับวิธีการก่อเหตุ ขณะเป็นพระ ทั้ง 2 ใช้ก้อนหินทุบบริเวณช่องเก็บอัฐิแล้วใช้เทียนส่องสว่าง เพื่อหาเงินที่ญาติๆ ของผู้เสียชีวิตได้ใส่ไว้ โดยมีเจดีย์เก็บอัฐิเสียหายไปกว่า 40 องค์ มีผู้เสียหายติดใจแจ้งความดำเนินคดีไว้ 17 ราย นายณรงค์ชัย เลียบดี ให้การต่อว่า หลังก่อเหตุและมีชาวบ้านทราบข่าวได้ขึ้นรถเมล์หลบหนีไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่จะให้หลวงพ่อวัดดังกล่าวสึกให้ แต่หลวงพ่อไม่ยอมสึก จึงตัดสินใจถอดผ้าทิ้งและหลบหนีไปอยู่ที่ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พอทราบข่าวว่า ตำรวจกำลังติดตามจับกุมตัว จึงหลบหนีกลับมาอยู่ที่บ้านในอำเภอชะอำอีกครั้ง จนมาจับกุมได้ในที่สุด ขณะออกจากบ้านมาหาเพื่อนที่บริเวณจุดชมวิว อ.ชะอำ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา