ศรีสะเกษ - เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดและมันสำปะหลัง ชาวเบญจลักษ์ ศรีสะเกษ หันปลูกดอกดาวเรืองขายฝ่าวิกฤตหน้าแล้ง เผยสร้างรายได้งามเก็บขาย 2-3 วันต่อครั้งได้เงินถึงครั้งละ 6,000-7,000 บาท ชี้ไม่ต้องทิ้งครอบครัวอพยพแรงงานเข้ากรุง
วันนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหนองเต่ากล ต.หนองงูเหลือม อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เกษตรกรหมู่บ้านแห่งนี้ได้พากันหันมาปลูกดอกดาวเรืองกันเป็นจำนวนมากและกำลังออกดอกสีสันงดงามเต็มพื้นที่การเพาะปลูก ซึ่งขายได้ราคาดี มีพ่อค้าจากตลาดปากคลองตลาดมารับซื้อถึงในไร่
นางประยูร ทองทิพย์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 บ้านหนองเต่ากล ต.หนองงูเหลือม อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง และหันมาปลูกดอกดาวเรือง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว แต่ราคาขายไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อีกทั้งต้องใช้เวลานานกว่าจะเก็บผลผลิตได้ ดังนั้น จึงได้ทดลองปลูกดอกดาวเรือง เพราะสามารถเก็บผลผลิตได้หลายครั้ง
โดยลงทุนเริ่มแรกจำนวน 12,000 บาท เป็นค่าเมล็ดพันธุ์ดอกดาวเรือง 4,000 บาท ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืช โดยเริ่มปลูกตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.เป็นต้นมา ในพื้นที่ 1 ไร่ ปรากฏว่า ดอกดาวเรืองให้ผลผลิตดีมาก
ในครั้งแรกสามารถเก็บดอกดาวเรืองได้ประมาณ 100,000 ดอก มีพ่อค้าจากตลาดปากคลองตลาดมารับซื้อ แยกเป็นดอกขนาดใหญ่ราคาดอกละ 60 สตางค์ และดอกขนาดเล็กราคา 30 - 40 สตางค์ สามารถขายได้เงินถึง 30,000 บาท ในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น จากนั้นจึงปลูกต้นดาวเรืองเพิ่มขึ้นและสามารถเก็บดอกดาวเรืองขาย 2-3 วันต่อ 1 ครั้ง เก็บได้ครั้งละประมาณ 30,000-40,000 ดอก ซึ่งสร้างรายได้ให้อย่างสม่ำเสมอ ดีกว่าการปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังเป็นอย่างมาก
นางประยูร กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีชาวบ้านในเขตบ้านหนองเต่ากล พากันหันมาปลูกดอกดาวเรืองขายเหมือนกับตนแล้วหลายสิบหลังคาเรือน เพราะเห็นว่าการปลูกดอกดาวเรืองขายนี้ หากรดน้ำและสามารถรักษาเชื้อราได้ ดอกดาวเรืองจะให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถเก็บได้ตลอดทั้งเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังขาย เงินทองไม่ค่อยมี แต่เมื่อมาปลูกดอกดาวเรืองขาย ทำให้เงินทองไม่ขาดมือ เพียง 2 -3 วัน ก็ได้เงิน 6,000-7,000 บาทแล้ว นับว่าเป็นการสร้างรายได้ในช่วงหน้าแล้งได้เป็นอย่างดี
“ที่สำคัญ การปลูกดอกดาวเรืองขาย ทำให้ไม่ต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนอพยพไปทำมาหากินในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดในหน้าแล้ง ได้อยู่กับครอบครัวทำให้ครอบครัวอบอุ่นไม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังไร้คนดูแล”นางประยูร กล่าว