ศรีสะเกษ - ตูมสนั่นที่ “ภูมะเขือ” ทิศตะวันตก “เขาพระวิหาร” ชาวบ้าน “ภูมิซรอล” แตกตื่นวิ่งหนีตายเข้าหลุมหลบภัยวุ่น เผย ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเขมรเจ็บ 2 นาย ขณะกำนันตำบลเสาธงชัย ชี้ ไม่น่าเหนี่ยวรั้งควรให้ จนท.“ยูเนสโก” ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงสมรภูมิเขาวิหาร จะได้เห็นธาตุแท้กระหายสงครามของ “ฮุน เซน” และทหารเขมรใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานกำบังโจมตีไทยประจานสู่สายตาชาวโลก หวังเป็นช่องทางดันยกเลิกขึ้นทะเบียนมรดกโลก
วันนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.05 น.ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ซึ่งมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนแตกตื่นตกใจ และส่วนหนึ่งพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยอย่างโกลาหล เนื่องจากคิดว่า ทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่และจรวดบีเอ็ม 21 ถล่มทหารไทย และหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทยครั้งใหญ่อีกระลอกตามที่มีข่าวลือสะพัดออกมาก่อนหน้านี้ แต่มีเสียงระเบิดดังขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วหยุดไป ชาวบ้านภูมิซรอลและหมู่บ้านใกล้เคียงจึงได้พากันออกมาประกอบสัมมาชีพตามปกติ
นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เสียงระเบิดครั้งนี้มีเสียงดังมากไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนใหญ่ หรือว่าเป็นเสียงระเบิดจากการทำลายกับระเบิดในพื้นที่อ้างสิทธิ์ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) บริเวณเขาพระวิหาร แต่อย่างไรก็ตาม เสียงระเบิดดังกล่าวทำให้ประชาชนภูมิซรอล และหมู่บ้านชายแดนไทยด้านพระวิหารเกิดความหวาดกลัวการสู้รบที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านทุกคนรู้ดีว่า ทหารกัมพูชาสามารถก่อสงครามเปิดฉากยิงปะทะกับทหารไทยได้ตลอดเวลา
นายก อบต.เสาธงชัย กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 16.15 น.วันที่ 24 ก.พ.ได้เกิดเหตุทหารไทยขณะลาดตระเวนอยู่บริเวณพลาญยาว ช่องโดนเอาว์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้กับภูมะเขือด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ได้พลาดเหยียบกับระเบิดที่ทหารกัมพูชานำมาฝังเอาไว้ สะเก็ดระเบิดทำให้ทหารไทยจำนวน 2 นาย คือ ส.อ.พรพิบูลย์ เหง้าสุวรรณ และ ส.ท.สุเมธ บุญสารีย์ ทหารสังกัด ร.16 พัน 3 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้รับบาดเจ็บบริเวณลำตัว แขนขา และใบหน้า ซึ่งถูกนำตัวส่งไปรักษาที่ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เป็นการด่วน ล่าสุด ทราบว่า ทหารทั้ง 2 นาย อยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว
นอกจากนี้ เวลาประมาณ 10.15 น.ในวันดังกล่าว (24 ก.พ.) ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้ามาในเขตแดนไทยที่บริเวณภูมะเขือ จำนวนกว่า 10 นัด แต่ว่าทหารไทยไม่ได้ยิงตอบโต้การยั่วยุของทหารกัมพูชาในครั้งนี้แต่อย่างใด
ทางด้าน นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า กรณีที่องค์กรยูเนสโกจะส่งคณะเจ้าหน้าที่มาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บริเวณเขาพระวิหาร แต่มีส่วนราชการกระทรวงหนึ่งของไทยได้ให้คณะเจ้าหน้าที่ขององค์กรยูเนสโกรอรับข้อมูลอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยอ้างว่าสถานการณ์ยังไม่ปกตินั้น ตนเห็นว่า การเหนี่ยวรั้งไม่ให้คณะยูเนสโกลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริงที่เขาพระวิหาร น่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากให้คณะยูเนสโกลงไปดูข้อเท็จจริงทหารกัมพูชาก็ย่อมมีความเกรงใจมากกว่าปกติ และจะทำให้ฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถโกหกคนทั้งโลกได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากภาพลักษณ์ของ สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคือผู้กระหายสงคราม และต้องการสร้างสงครามขึ้นมา หวังหลอกเอาเงินบริจาคจากประเทศต่าง ๆ ที่เป็นลูกพี่ (ประเทศใหญ่) คอยให้การสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาอยู่
“จากการที่ผมได้ตรวจสอบพบว่า หากปราสาทพระวิหารได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตามข้อเสนอของกัมพูชาโดยสมบูรณ์แล้ว สมเด็จฯ ฮุน เซน จะเอาพื้นที่รอบเขาพระวิหารให้นานาประเทศได้สัมปทานนาน 80 ปี เพื่อเอาเงินสัมปทานมาค้ำรัฐบาลโหดของตัวเอง” นายวีรยุทธ กล่าว
นายวีรยุทธ กล่าวต่อว่า การที่ยูเนสโกได้ลงมาเห็นความจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่เองว่า ทหารกัมพูชาใช้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นโล่กำบังในการโจมตีประเทศไทย ก็จะเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้ยูเนสโกยกเลิกการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ และการที่กระทรวงแห่งหนึ่งของไทยไม่ยอมให้ยูเนสโกลงไปดูข้อเท็จจริงที่เขาพระวิหาร จะเท่ากับเป็นไปตามแผนของรัฐบาลกัมพูชาหรือเป็นการช่วยกัมพูชาปกปิดไม่ให้ความจริงออกสู่สายตาชาวโลกหรือไม่
“ทางออกที่ดีที่สุดของการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร หากรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาไม่สามารถบริหารจัดการเขาพระวิหารได้คนละครึ่ง ก็ควรให้ประเทศชาติเป็นกลางเข้ามาดูแลบริหารจัดการ เพื่อจะได้เป็นการยุติปัญหาบริเวณเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ให้เรื้อรังอีกต่อไป” นายธีรยุทธ กล่าว