พิจิตร - สนามเลือกตั้งเมืองชาละวันปี่กลองเชิดแล้ว ส.ส.จาก 4 เขต ลดเหลือ 3 คน ทำฟัดกันดุเดือดแน่ “ไพฑูรย์-นราพัฒน์ , เสธฯหนั่น-ศิริวัฒน์ ( ลูกยอด )-อัศวิน, ประดิษฐ์-วินัย, สุณีย์ อดีตเลขาเพื่อไทย” ล้วนใแพ้ไม่เป็น ล่าสุด ปชป.ลงพื้นที่ตั้งแต่ไก่โห่หาเสียงจองคะแนน ด้าน กกต.พิจิตร เกาะติดต่อเนื่อง
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า ขณะนี้นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.พิจิตร ได้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านและเริ่มทำการหาเสียงแล้ว หลังร่างแก้ไข รธน.ผ่านวาระ 3 ไปแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นสัดส่วน ส.ส.เลือกตั้ง-ปาร์ตี้ลิสต์ (375/125 คน) ซึ่งจะทำให้พิจิตร มี ส.ส.เขตลดลงจาก 4 คน เหลือ 3 คนนั้น จะทำให้การแข่งขันทางการเมืองดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจาก ส.ส.เดิม ในพิจิตร ล้วนมีตำแหน่งรัฐมนตรีและเป็นบุคคลสำคัญของพรรค ที่จะต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้
ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในการเลือกตั้งทั่วไปสมัยหน้า พรรคฯ ต้องการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และมีเป้าต้องการได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นอีก 68 ที่นั่ง จึงเริ่มตื่นตัวในการหาเสียง โดยเฉพาะที่ จ.พิจิตร สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคในพื้นที่ อ.สามง่าม , อ.เมือง , อ.วชิรบารมี เพื่อสร้างเครือข่ายและสร้างแกนนำที่จะช่วยในการหาเสียง จึงทำให้ขณะนี้บรรยากาศทางการเมืองของ จ.พิจิตร ครุกรุ่นก่อนจังหวัดใด
เพราะผู้สมัครที่จะต้องแข่งขันกันประกอบไปด้วยนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน -นายนราพัฒน์ แก้วทอง ประธานกรรมาธิการการเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร และเป็น สส.พิจิตร , พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี -นาย ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ,นาย อัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นาย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ,นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร , น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย -อดีตเลขาธิการ รมต.คมนาคม , นายนาวิน บุญเศรษฐ์ อดีตเลขา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งคนล้วนเป็นบุคคลสำคัญของพรรคที่ตนสังกัดอยู่ ดังนั้นต่างประกาศถอยหลังไม่ได้ แพ้ไม่เป็น แต่ต้องชิงเพียง 3 ที่นั่ง เท่านั้น
ในส่วนของกกต.จ.พิจิตร ก็มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมสังเกตการณ์และเฝ้าดูพฤติกรรมของการจัดกิจกรรมต่างๆของพรรค ประชาธิปัตย์ อย่างใกล้ชิด ซึ่งเฉพาะวันนี้มีการเรียกสมาชิกเข้าร่วมอบรมหลักสูตรเครือข่ายแกนนำประชาธิปัตย์ ทั้งในภาคเช้าและภาคบ่าย รวมแล้วกว่า 700 คน เพื่อเป็นการตีตราจองขอคะแนนและอธิบายผลงานการทำงานที่ผ่านมาและนโยบายของพรรคที่จะทำในอนาคตให้ครอบคลุมในทุกด้านและจะมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้ ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด 157 เขตเลือกตั้ง 400 ที่นั่ง 88,500 หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ
โดยจะมุ่งเน้นงานด้านมวลชนและการกระจายข่าวให้สมาชิกเฝ้าติดตามพฤติกรรมการหาเสียงหรือการซื้อเสียงของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ประชาธิปัตย์กำชัยชนะและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้าให้จงได้ ดังนั้น จ.พิจิตร จึงคาดว่าจะดุเดือดกว่าศึกการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา