ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมติดตามความคืบหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวเลที่ภูเก็ต ระบุการแก้ปัญหายังไม่คืบหน้าเรื่องจากมีหลายหน่วยงานเกี่ยว โดยเฉพาะปัญหาที่ดิน ไฟฟ้า ประปา ต้องหาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน
นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวที่จังหวัดภูเก็ตภายประชุมร่วมกับตัวแทนชุมชนชาวไทยใหม่บ้านราไวย์ ต.ราไวย์ และชาวไทยใหม่บ้านแหลมตุกแก ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต คณะกรรมการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลระดับจังหวัด และผู้แทนของเทศบาลตำบลราไวย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล จังหวัดภูเก็ต ในการแก้ไขปัญหาสิทธิขั้นพื้นฐานว่า จากการประชุมร่วมนครั้งนี้พบว่าในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งที่ได้รับข้อมูลจากชาวเล หรือชาวไทยใหม่และทางจังหวัดภูเก็ต พบว่าไม่ค่อยมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกิน การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภคไฟฟ้า และประปา
และจากการหารือร่วมกันในครั้งนี้ก็เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านให้มีความชัดเจนขึ้นเพื่อที่การแก้ไขปัญหาต่างจะสามารถดำเนินการให้มีความคืบหน้าขึ้น โดยจัดระดับการแก้ไขปัญหาให้มีความชัดเจนให้ชัดเจนขึ้น เช่น ปัญหาใดที่สามารถแก้ไขได้ในระดับชุมชน ระดับจังหวัด หรือเกินขีดความสามารถของจังหวัด เพื่อจะได้สามารถขับเคลื่อนการทำงานให้สามารถบรรลุผลเป็นรูปธรรม
แต่สิ่งสำคัญอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งต้องเข้าใจด้วยว่ากลุ่มชาวเลได้รับผลกระทบมาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร แต่จากระเบียบกฎหมายเท่าที่มีอยู่ก็ต้องแก้ตรงพื้นฐานของหลักนิติธรรมโดยอิงกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นสิทธิที่ดินทำกิน ซึ่งตามหลักกฎหมายเจ้าของย่อมที่จะมีกรรมสิทธิ์ ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องใช้ทั้งการขอความร่วมมือจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ กับขอให้องค์กรปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องของการแก้ไขปัญหานั้นอยากให้ทางพี่น้องชาวเลเข้าใจด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหลายหน่วยงาน และไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและคงไม่สามารถที่จะดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงอยากให้มองถึงการอยู่ร่วมกับชุมชนอื่นๆ ด้วย
นายสมชาย กล่าวอีกว่า นโยบายรัฐบาลที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลในเรื่องนี้เพราะต้องการแก้ปัญหาในระยะถาวรและยั่งยืน ดังนั้น นอกจากการรับฟังข้อมูลก็จะต้องลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องในชุมชนด้วย รวมทั้งในส่วนของคณะกรรมการในระดับจังหวัดก็ควรจะลงพื้นที่เพื่อพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นด้วย
จากนั้นก็จะได้มาลำดับความสำคัญของปัญหา และหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป เพราะขณะนี้ในส่วนของชาวเลเองเนื่องจากเป็นปัญหาเรื้อรังมานานจนมีความรู้สึกเหมือนจะสิ้นหวัง ฉะนั้นในส่วนของราชการก็ต้องให้โอกาสและอดทนต่อการหาวิธีในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่มีอยู่
