อากาศหนาวเย็นนานทำปลากะพงปากอ่าวบางปะกงตายเกลื่อน

ฉะเชิงเทรา - อากาศหนาวนานพ่นพิษ ทำปลากะพงลอยตายเกลื่อนปากอ่าวบางปะกง ชาวบ้านโอดครวญขาดทุนยับ เผยเป็นปรากฏการณ์ ปลากระชังลอยตายที่หนักที่สุดกว่าทุกปีที่ผ่านมา

วันนี้ (31 ม.ค.) นายสมทบ พวงพุ่ม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/14 ม.19 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง ในพื้นที่บริเวณปากอ่าว แม่น้ำบางปะกง ว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงปลากระชังจำนวนหลายร้อยราย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากน้ำทะเลเย็นจัด ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหลายเดือน ในฤดูหนาวปีนี้ ที่มีอากาศหนาวเย็นนานนากกว่าทุกปีที่ผ่านมา

จึงทำให้ปลากะพง ที่เกษตรกรเลี้ยงไว้ในกระชังนับพันกระชัง ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าตลาด อ.บางปะกง ไปจนถึงบริเวณปากอ่าวรอยต่อกับพื้นที่ ต.คลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี ซึ่งถือเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ระยะทางเกือบ 10 กม.ลอยตายมาเป็นเวลานานเกือบ 1 เดือนแล้ว และตายมากที่สุดในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ จนเกษตรกรเกือบทุกรายที่เลี้ยงปลาในบริเวณนี้ ต้องขาดทุนอย่างหนัก เพราะต้องจำใจช่วยกันตักช้อนปลาที่ยังไม่ได้ขนาดออกขายในขณะที่ปลากำลังลอยขึ้นน้ำ ใกล้จะสิ้นใจตาย ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท จากปกติมีราคาสูงถึง กก.ละ กว่า 100 บาท โดยมีบางส่วนที่ปลาลอยตายไปก่อนหน้า หรือในช่วงเวลากลางคืน ก่อนที่เจ้าของกระชังจะมาพบ เกษตรกรจึงจำต้องตักปลาออกจากกระชังโยนทิ้งไป เพราะไม่มีคนซื้อ

ทั้งนี้ ต้นทุนในการเลี้ยงปลากะพงนั้นมีต้นทุนสูงมาก โดยเฉพาะค่าอาหาร คือ ปลาสด ที่ต้องซื้อมาจากแพปลานำมาใช้เลี้ยงปลากะพง นั้นราคา กก.ละ 11 บาท โดยเกษตรกรที่บางปะกง นั้นส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้เลี้ยงขนาดกลาง รายละ 20-30 กระชัง จะต้องใช้เนื้อปลาสดมากถึงวันละหนึ่งตัน หรือมีรายจ่ายสูงถึงวันละ 1.1 หมื่นบาท และจะต้องใช้เวลาเลี้ยงนาน 7-8 เดือนจึงจะได้ผลผลิต

ส่วนเกษตรกรรายใหญ่ที่มีกระชังปลารายละ 50-100 กระชังนั้น จะมีรายจ่ายสูงถึงวันละ 5 หมื่นจนถึงหนึ่งแสนบาท แต่ส่วนใหญ่จะมีเงินทุนหมุนเวียนสูง โดยผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดนั้นจะเป็นผู้เลี้ยงรายย่อย และผู้เลี้ยงขนาดกลางที่ไม่มีเงินทุนเป็นของตัวเอง โดยใช้วิธีการไปรับอาหารปลามาเลี้ยงก่อนแล้วจึงจ่ายเงินเมื่อจับปลาขายได้แล้ว จากปรากฏการณ์ปลาตายในครั้งนี้จึงทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ติดลบ เป็นหนี้สินจากค่าอาหารท่วมตัว ถึงรายละนับล้านบาท