พิจิตร - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ดูเหมืองทองอัคราฯ หลังชาวบ้านร้องส่งผลกระทบ สวล.จนต้องสั่งปิดเฟสตอนเหนือเด็ดขาด-ห้ามขุดเจาะในเฟส 2 ช่วงกลางคืนมาตั้งแต่ 12 มกราฯ เผย ส่ง จนท.ดอดหาข้อมูลมาแล้ว 3 ครั้ง พร้อมย้ำหากเหมืองทำได้ตามเงื่อนไข พร้อมให้เปิดเดินเครื่องต่อ
วันนี้ (28 ม.ค.) นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหากรณีมีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบการทำเหมืองแร่ทองคำ บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด ตั้งอยู่บริเวณตำบลเขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และรอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์ ในปัญหา 5 ข้อ ได้แก่ มลพิษทางเสียงจากแรงระเบิดหิน มลพิษจากฝุ่นละออง สารปนเปื้อนน้ำบาดาล การรุกที่สาธารณประโยชน์ และกระทบความเป็นอยู่ชาวบ้าน รอบๆ เหมือง
ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำชาตรี เฟสตอนเหนืออย่างเด็ดขาด และเฟส 2 ห้ามขุดเจาะทำเหมืองในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 19.00-05.00 น.แต่ในช่วงกลางวันให้ดำเนินการได้ตามปกติ
นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ได้แอบส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสืบข้อเท็จจริงถึง 3 ครั้งแล้ว ดังนั้นในวันนี้จึงต้องมาด้วยตนเอง เพราะทราบความเดือดร้อนของชาวบ้านและพนักงานอัคราฯ ว่า การที่สั่งหยุดงานภาคกลางคืน ทำให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานเดือดร้อน ก็เข้าใจปัญหา อีกทั้งเรื่องให้จำกัดเวลาการทำงาน และปรับปรุงแก้ไขระบบเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงเรื่องน้ำก็ทราบแล้วว่าอัคราฯได้ดูแลถึงขั้นทำโรงงานน้ำดื่มจ่ายแจกให้แล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่ามีน้ำใต้ดินได้รับผลกระทบ และมีสารเคมีนั้น ยังไม่มีผลยืนยันในขณะนี้ ซึ่งต้องรอผลจาก ม.ขอนแก่น ที่เก็บตัวอย่างน้ำไปพิสูจน์อยู่
นายชัยวุฒิ บอกว่า เข้าใจดีว่า ในการทำอุตสาหกรรม จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้น จึงต้องทำให้ข้อดีมีมากกว่าข้อเสีย และต้องทำการแก้ไขข้อเสียให้จงได้ เพียงเท่านี้อุตสาหกรรมกับชุมชนก็จะอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งนโยบาย รมต.อุตสาหกรรม ขอแถลงชัดเจนว่า อุตสาหกรรม ต้องเป็นการดำเนินกิจการที่ยั่งยืนต้องอยู่ร่วมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งประชาชนต้องมีความสุขตามอัตภาพและมีปัญหาก็ร่วมกันแก้ ที่สำคัญสิ่งแวดล้อมต้องไม่มีปัญหา เพราะปัจจุบันนี้ ก.อุตสาหกรรม เจอปัญหาเช่นนี้มากมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวย้ำว่า ตนเองอาจจะไม่ฉลาด แต่ก็ไม่โง่ รู้เกือบแทบทั้งสิ้น แต่ด้วยความเป็นรัฐมนตรีที่เป็นคนของประชาชนจึงต้องเป็นกลาง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงไม่มีหน้าที่มาวิ่งไล่ปิดเหมืองแร่ทองคำ อัคราไมนิ่ง หรือมีหน้าที่ที่จะมาต้องนั่งเอาใจใครคนใดคนหนึ่งแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กรณีเหมืองแร่ทองคำ อัคราไมนิ่ง หากปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข ก็จะอนุญาตให้ดำเนินกิจการต่อไป โดยไม่มีเหตุผลใดที่จะมาสั่งปิดให้ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ชาวบ้านต้องตกงาน เพราะกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่ส่งเสริมการทำอุตสาหกรรมทุกประเภท
