“ชินวรณ์” ปิ๊งดันประเมิน “1 ช่วย 9” มีผลเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ-เชี่ยวชาญได้ ระบุ เป็นผลงานเชิงประจักษ์ หากช่วยโรงเรียนเครือข่ายได้ผลประเมินดีมาก 3 ปีติด “ผอ.สมศ.” ชี้ มีสถานศึกษารับนำร่องแล้ว 9 แห่ง วอนจับเครือข่าย ร.ร.ขั้นพื้นฐานตกประเมินก่อน
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่โรงแรมสยามซิตี้ ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กับสถานศึกษาเครือข่ายโครงการประเมินสถานศึกษาแบบโดดเด่น 1 ช่วย 9 ห่วงโซ่คุณภาพการศึกษา โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ห่วงโซ่คุณภาพการศึกษา” ว่า การลงนามตามโครงการประเมินสถานศึกษาแบบโดดเด่น 1 ช่วย 9 ห่วงโซ่คุณภาพการศึกษา นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของการประเมินที่จะสร้างการมีส่วนร่วมที่จะพัฒนาการศึกษา พัฒนาท้องถิ่น และเพิ่มโอกาสในการเข้ารับการศึกษาซึ่งเป็นไปตามนโยบายปฎิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 โดยผู้บริหารและครูในสถานศึกษาที่ช่วยให้โรงเรียนในเครือข่ายมีคุณภาพดีขึ้น 3 ปีติดต่อกัน จะถือว่าเป็นผลงานเชิงประจักษ์ที่จะนำไปใช้ในการเสนอขอประเมินวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญได้
ด้านศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการ สมศ.กล่าวว่า สมศ.จะเริ่มประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษารอบที่ 3 (พ.ศ.2554-2558) ในเดือน มิ.ย.นี้ โดยเป็นการประเมินเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพการศึกษา ซึ่งจะพิจารณาจากผลผลิตมากกว่ากระบวนการและคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละสถานศึกษา พร้อมกันนี้ สมศ.จะจัดให้มีการประเมินแบบโดดเด่น “1 ช่วย 9” ในลักษณะห่วงโซ่คุณภาพทางการศึกษา โดยสถานศึกษาที่เข้าโครงการ มีเงื่อนไขว่า ต้องมีผลการประเมินภายนอกรอบ 2 ในระดับดีมาก และเบื้องต้นมีสถานศึกษาสมัครใจเข้าร่วมแล้ว 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ม.ขอนแก่น, ม.เชียงใหม่, ม.สงขลานครินทร์, ร.ร.พายัพเทคโนโลยีและบริหารธุรกิจ, วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช, ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย, ร.ร.สามเสนวิทยาลัย และ ร.ร.ปรินซ์รอยแยลส์วิทยาลัย
“สถานศึกษานำร่องเหล่าทั้ง 9 แห่งนี้ จะต้องเข้าไปช่วยพัฒนาสถานศึกษาในเครือข่ายที่มีผลการประเมินต่ำกว่าระดับดีมาก ซึ่งอาจจะเลือกช่วยเหลือมหาวิทยาลัย สถาบันการอาชีวศึกษา หรือโรงเรียนใดก็ได้ แต่ส่วนตัวอยากให้ช่วยเหลือสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ผ่านการรับรองคุณภาพภายนอก ทั้งนี้สถานศึกษาที่สามารถช่วยพัฒนาสถานศึกษาในเครือข่ายให้มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นทั้ง 9 แห่งในรอบที่ 3 ได้ ก็จะได้รับประกาศเกียรติคุณ เพื่อเป็นการยกย่อง ส่งเสริม สถานศึกษาแกนนำด้วย” ผอ.สมศ.กล่าว
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่โรงแรมสยามซิตี้ ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กับสถานศึกษาเครือข่ายโครงการประเมินสถานศึกษาแบบโดดเด่น 1 ช่วย 9 ห่วงโซ่คุณภาพการศึกษา โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ห่วงโซ่คุณภาพการศึกษา” ว่า การลงนามตามโครงการประเมินสถานศึกษาแบบโดดเด่น 1 ช่วย 9 ห่วงโซ่คุณภาพการศึกษา นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของการประเมินที่จะสร้างการมีส่วนร่วมที่จะพัฒนาการศึกษา พัฒนาท้องถิ่น และเพิ่มโอกาสในการเข้ารับการศึกษาซึ่งเป็นไปตามนโยบายปฎิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 โดยผู้บริหารและครูในสถานศึกษาที่ช่วยให้โรงเรียนในเครือข่ายมีคุณภาพดีขึ้น 3 ปีติดต่อกัน จะถือว่าเป็นผลงานเชิงประจักษ์ที่จะนำไปใช้ในการเสนอขอประเมินวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญได้
ด้านศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการ สมศ.กล่าวว่า สมศ.จะเริ่มประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษารอบที่ 3 (พ.ศ.2554-2558) ในเดือน มิ.ย.นี้ โดยเป็นการประเมินเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพการศึกษา ซึ่งจะพิจารณาจากผลผลิตมากกว่ากระบวนการและคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละสถานศึกษา พร้อมกันนี้ สมศ.จะจัดให้มีการประเมินแบบโดดเด่น “1 ช่วย 9” ในลักษณะห่วงโซ่คุณภาพทางการศึกษา โดยสถานศึกษาที่เข้าโครงการ มีเงื่อนไขว่า ต้องมีผลการประเมินภายนอกรอบ 2 ในระดับดีมาก และเบื้องต้นมีสถานศึกษาสมัครใจเข้าร่วมแล้ว 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ม.ขอนแก่น, ม.เชียงใหม่, ม.สงขลานครินทร์, ร.ร.พายัพเทคโนโลยีและบริหารธุรกิจ, วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช, ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย, ร.ร.สามเสนวิทยาลัย และ ร.ร.ปรินซ์รอยแยลส์วิทยาลัย
“สถานศึกษานำร่องเหล่าทั้ง 9 แห่งนี้ จะต้องเข้าไปช่วยพัฒนาสถานศึกษาในเครือข่ายที่มีผลการประเมินต่ำกว่าระดับดีมาก ซึ่งอาจจะเลือกช่วยเหลือมหาวิทยาลัย สถาบันการอาชีวศึกษา หรือโรงเรียนใดก็ได้ แต่ส่วนตัวอยากให้ช่วยเหลือสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ผ่านการรับรองคุณภาพภายนอก ทั้งนี้สถานศึกษาที่สามารถช่วยพัฒนาสถานศึกษาในเครือข่ายให้มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นทั้ง 9 แห่งในรอบที่ 3 ได้ ก็จะได้รับประกาศเกียรติคุณ เพื่อเป็นการยกย่อง ส่งเสริม สถานศึกษาแกนนำด้วย” ผอ.สมศ.กล่าว
