ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่เปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ ชูแนวคิด Green Fair เน้นใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้ารายได้ตลอดการจัดงาน 10 วัน ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ด้านประธานสภาอุตสาหกรรมเชียงใหม่ ชี้ การเมืองนิ่งส่งผลเศรษฐกิจปี 2554 มีทิศทางที่ดี ระบุ ธุรกิจท่องเที่ยว-อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูปแนวโน้มสดใส
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 มีพิธีเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ 2011 ขึ้น โดยมี นายวรการ ยกยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในพิธี
งานอุตสาหกรรมแฟร์ 2011 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 แล้วนั้น ในปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “Green Fair” ที่มีเป้าหมายจะกระตุ้นจิตสำนึกของผู้ประกอบการ ให้ตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาสภาพแวดล้อมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และยังรวมไปถึงในส่วนของผู้บริโภคที่จะได้เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่
โดยภายในงานมีทั้งการจัดแสดงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม การจัดแสดงโซนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การจัดกิจกรรมฝึกอบรมอาชีพ และการออกร้านจำหน่ายสินค้าจากสมาชิกสภาอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะจัดตั้งวันที่ 28 ม.ค. ถึง 6 ก.พ.นี้ ตั้งเป้าหมายยอดขายตลอดช่วงการจัดงานไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในปี 2554 ว่า ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยปัจจัยสำคัญมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความสงบนิ่งมากขึ้น จนส่งผลดีให้เห็นได้จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งหากภาพรวมสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับภาคธุรกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ที่น่าจะมีแนวโน้มดีในปี 2554 นั้น นายองอาจ แสดงความเห็นว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่สงบนิ่งนั้น ย่อมส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจภาคการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเชื่อว่า ภาพรวมของปีนี้น่าจะดีขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูปนั้นน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการบริโภคอาหารของตลาดโลกที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนที่ส่งผลทำให้เกิดภาวะขาดแคลน
ส่วนปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจนั้น ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หากเป็นส่วนของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวแล้ว ปัจจัยหลักยังคงเป็นในเรื่องของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่มีผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้จะถึงช่วงการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งต้องดูผลการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคหรือความขัดแย้งใดๆ หรือไม่ ขณะที่ธุรกิจส่งออก จะมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรอยู่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากยิ่งแข็งค่ามากก็จะยิ่งกระทบต่อผู้ประกอบการมาก
นอกจากนี้ นายองอาจ กล่าวถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะผันแปรได้ว่า หลักการทั่วไปที่มีการยึดถือกันอยู่แล้ว ก็คือ การลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และหาตลาดใหม่ ซึ่งถือเป็นสูตรสำเร็จและเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว แม้ในภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเห็นว่าการพูดคุยใกล้ชิด และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ เพื่อที่จะได้ให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในยามที่ต่างฝ่ายต่างประสบปัญหา เช่น หากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ก็บอกลูกค้าไปตามตรงแล้วเจรจาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน เป็นต้น
