นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะมีการปรับเป้ารายได้รวมปีนี้เพิ่มเป็นครั้งที่4% ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมโต 80% จากปี 53 ที่มีรายได้รม 2,818 ล้านบาท เนื่องจากการที่บริษัท ไชน่า เนชันแนล โคล กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองถ่านหินใหญ่อันดับสองของจีนถูกสั่งปิดเหมืองอย่างไม่มีกำหนด น่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมการส่งออกถ่านหินของประเทศไทยไปประเทศจีนจะเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการประเมินหามีการปิดเหมือง 1 เดือน จะส่งผลให้กำลังการผลิตถ่านหินในจีนลดลง 3.3 % ซึ่งเท่ากับว่าปริมาณการผลิตที่ลดลงประเทศจีนจะต้องนำเข้าถ่านหินจากนอกประเทศมาชดเชย ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการถ่านหินในไทยประกอบกับเชื่อว่าฤดูหนาวปีนี้ยาวกว่าทุกปี จากการที่มีปริมาณฝนตกชุก ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานถ่านหินเพิ่มขึ้น ซึ่งจาก 2 ปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมถ่านหิน รวมถึงบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีการส่งออกถ่านหินไปจีนเพิ่มขึ้นทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 6 แสนตันอย่างแน่นอน ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัท มียอดส่งออกถ่านหินไปจีนแล้วกว่า 5.5 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 300,000-500,000 ตันในปีนี้ ซึ่งในไตรมาส 4 น่าจะมียอดสั่งซื้อถ่านหินจากจีนเพิ่มขึ้นอีก รวมถึงราคาขายน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากปัจจุบันซื้อขายในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
นายพนม กล่าวว่า การสำรองถ่านหินเพื่อรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้นปัจจุบัน AGE มีถ่านหินสำรองเพียงพอต่อยอดสั่งซื้อในไตรมาส 4 จนถึงต้นปี 55 อยู่แล้ว ส่วนผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และยุโรป บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะ เน้นการส่งออกถ่านหินในประเทศแถบเอเชียที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่นจีน และอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งออกถ่านหินได้ในปลายปีนี้และประเทศเหล่านี้ความต้องการถ่านหินสูง รวมถึง AGE เป็นหุ้นขนาดเล็กที่มีแต่นักลงทุนภายในประเทศไม่มีกองทุนหรือต่างชาติมาถือหุ้น การที่ตลาดหุ้นปรับลงแรงในระยะนี้จึงไม่น่ามีผลกระทบจากการขายหุ้นของต่างชาติ
" กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะโตเกิน100% แน่นอน เพราะ 6 เดือนแรกของปี 54 บริษัทมีรายได้ 2,716.42 ล้านบาท เกือบเท่ากับรายได้ของปี 53 ทั้งปีที่มีรายได้รวม 2,818 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 54 มีจำนวน148.29 ล้านบาทมากกว่ากำไรสุทธิปีที่แล้วทั้งปีที่ 127 ล้านบาท " นายพนมกล่าว
สำหรับการประเมินหามีการปิดเหมือง 1 เดือน จะส่งผลให้กำลังการผลิตถ่านหินในจีนลดลง 3.3 % ซึ่งเท่ากับว่าปริมาณการผลิตที่ลดลงประเทศจีนจะต้องนำเข้าถ่านหินจากนอกประเทศมาชดเชย ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการถ่านหินในไทยประกอบกับเชื่อว่าฤดูหนาวปีนี้ยาวกว่าทุกปี จากการที่มีปริมาณฝนตกชุก ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานถ่านหินเพิ่มขึ้น ซึ่งจาก 2 ปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมถ่านหิน รวมถึงบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีการส่งออกถ่านหินไปจีนเพิ่มขึ้นทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 6 แสนตันอย่างแน่นอน ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัท มียอดส่งออกถ่านหินไปจีนแล้วกว่า 5.5 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 300,000-500,000 ตันในปีนี้ ซึ่งในไตรมาส 4 น่าจะมียอดสั่งซื้อถ่านหินจากจีนเพิ่มขึ้นอีก รวมถึงราคาขายน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากปัจจุบันซื้อขายในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
นายพนม กล่าวว่า การสำรองถ่านหินเพื่อรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้นปัจจุบัน AGE มีถ่านหินสำรองเพียงพอต่อยอดสั่งซื้อในไตรมาส 4 จนถึงต้นปี 55 อยู่แล้ว ส่วนผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และยุโรป บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะ เน้นการส่งออกถ่านหินในประเทศแถบเอเชียที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่นจีน และอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งออกถ่านหินได้ในปลายปีนี้และประเทศเหล่านี้ความต้องการถ่านหินสูง รวมถึง AGE เป็นหุ้นขนาดเล็กที่มีแต่นักลงทุนภายในประเทศไม่มีกองทุนหรือต่างชาติมาถือหุ้น การที่ตลาดหุ้นปรับลงแรงในระยะนี้จึงไม่น่ามีผลกระทบจากการขายหุ้นของต่างชาติ
" กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะโตเกิน100% แน่นอน เพราะ 6 เดือนแรกของปี 54 บริษัทมีรายได้ 2,716.42 ล้านบาท เกือบเท่ากับรายได้ของปี 53 ทั้งปีที่มีรายได้รวม 2,818 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 54 มีจำนวน148.29 ล้านบาทมากกว่ากำไรสุทธิปีที่แล้วทั้งปีที่ 127 ล้านบาท " นายพนมกล่าว