ลำปาง - ดีเอสไอนำตัวหนุ่มวัย 23 ปี ที่เดินขึ้นโรงพักมอบตัวคดีมือฆ่าผู้อื่นเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน จนทำให้เพื่อนถูกจับดำเนินคดี และศาลตัดสินจนคดีสิ้นสุดแล้ว หาของกลางมีดพกที่เจ้าตัวระบุนำมาทิ้งอ่างเก็บน้ำบ้านแม่ต๋ำ
ร.อ.กลวิตร บุนนาค พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้นำตัว นายประยูร ตาละกา อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 112 ม.8 ตงเสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ไปยังบริเวณอ่างเก็บน้ำบ้านแม่ต๋ำ ตลอดบ่ายวานนี้ ( 24 ม.ค. 54) เพื่อชี้จุดให้นักประดาน้ำลงงมหามีดพกซึ่งเป็นของกลางในคดี แต่จากการค้นหาจนถึงเย็นไม่พบของกลางดังกล่าว
ร.อ.กลวิตรเปิดเผยว่า ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ตั้งคณะทำงานสืบสวนกรณีเยาวชนชายพงศ์พันศ์ ปงผาบ จำเลยในคดีอาญา ข้อหาความผิดต่อชีวิต ร้องขอให้มีการรื้อฟื้นคดี หลังศาลพิพากษาให้ฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน จ.เชียงใหม่ 4 ปี ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และคดีถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อวันที่ 2 ก.พ.52 นายประยูร ตาละกา ได้ขึ้นโรงพักขอมอบตัวในคดีนี้และสารภาพว่าตนเป็นคนฆ่านายนพชัย ต๊ะนางอย จนเสียชีวิต ทำให้ญาติของนายพงศ์พันศ์ ปงผาบ ยื่นเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่งแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุดและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้รื้อฟื้นคดีใหม่หลังจากคดีดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว
นายประยูร ตาละกา ผู้ซึ่งเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่านายนพชัยจนถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2550 ที่บริเวณงานเลี้ยงในโรงเรียนบ้านนาไผ่ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนได้หลบไปทำงานที่กรุงเทพฯ ระยะหนึ่งเพราะมั่นใจว่าเพื่อนของตนคือนายพงศ์พันศ์จะไม่ถูกจับเพราะไม่ใช่ผู้ลงมือฆ่าผู้ตาย
แต่เมื่อทราบว่าศาลพิพากษา จำคุก 8 ปี 6 เดือน และศาลอุทธรณ์ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน จ.เชียงใหม่ 4 ปี ทำให้ตนไม่สบายใจ และสงสารเพื่อนที่ตกเป็นแพะและสำนึกผิด จึงได้กลับจากกรุงเทพฯ แล้วเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ แต่ถูกปฏิเสธโดยบอกว่าตำรวจได้ส่งสำนวนให้อัยการหมดแล้ว จึงหมดอำนาจสอบสวน แต่ตนก็ยังไปมอบตัวต่อผู้กำกับอีก 2 ครั้งก็ถูกปฏิเสธว่าไม่อยู่อีก
ทางด้าน นางมาลี ปงผาบ มารดาของจำเลย หลังทราบเรื่องว่านายประยูรเข้ามอบตัวจึงได้ยื่นเรื่องไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่เรื่องก็เงียบจนกระทั่งยื่นเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จนทำให้กระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามารื้อฟื้นคดีนี้อีกครั้ง โดยการเริ่มต้นจากการนำตัวของนายประยูร ผู้ซึ่งขึ้นโรงพักสารภาพผิดกับตำรวจทั้งๆ ที่คดีสิ้นสุดแล้ว ไปหาของกลางที่อ่างเก็บน้ำดังกล่าวเป็นแห่งแรก