ตำรวจควบคุมตัว “อ๊อฟ บ้านลาด” มือยิงกัปตันการบินไทยบาดเจ็บ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 9 จุด ขณะที่เจ้าตัวมีสีหน้าไม่เครียด พร้อมประสานนักประดาน้ำงมหาปืนที่ผู้ต้องหาอ้างโยนทิ้ง
วันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. ที่ สน.ประเวศ พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิพนธ์ ทองแสงบุญญา รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ท.เหรียญชัย เหล่าที พงส. (สบ 2) สน.ประเวศ พร้อมเจ้าหน้าที่ ตร.ฝ่ายสืบสวน ควบคุมตัว นายพริสร หรือณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง หรือ “อ๊อฟ บ้านลาด” อายุ 26 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่ ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันการบินไทย ได้รับบาดเจ็บขณะขับรถอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์เพื่อมุ่งหน้าไปสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ฝั่งขาออก ก่อนถึงทางแยกเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมด 9 จุด โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
จุดแรกเป็นจุดที่ผู้ต้องหาและผู้เสียหายทั้ง 2 คนขับรถปาดหน้ากัน จุดที่ 2 เป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถอยู่ช่องทางที่ 2 ขวามือ ห่างจากจุดแรกประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนกระพริบไฟใส่รถของกับตันการบินไทย จุดที่ 3 เป็นจุดที่นายพริสร ขับรถอยู่ในช่องทางขวาสุดก่อนจะขับตีคู่กันมาและใช้แสงเลเซอร์ส่องไปที่รถบีเอ็มของผู้เสียหาย
จุดที่ 4 ประมาณ กม.ที่ 3 เป็นจุดที่ ร.ท.พูลวิทย์ก็ใช้ไฟฉายส่องกลับไปที่นายพริสร จุดที่ 5 นายพริสร ขับรถไล่ตามรถ ร.ท.พูลวิทย์ก่อนชะลอความเร็วใช้อาวุธปืนยิงใส่จากทางด้านหลังรถ ร.ท.พูลวิทย์ จำนวน 2 นัด แต่ยิงไม่ถูกรถคันดังกล่าว
จุดที่ 6 ซึ่งเป็น กม.ที่ 10 หลังจากที่ ร.ท.พูลวิทย์ ถูกผู้ต้องหาไล่ยิงก็ได้พยายามขับรถหนี แต่ผู้ต้องหาได้พยายามขับรถไล่ตามด้วยความเร็วก่อนยิงใส่รถดังกล่าวจำนวน 2-3 นัด ก่อนกระสุนจะไปถูกบริเวณหัวไหล่ของกับตันการบินไทยได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ ร.ท.พูลวิทย์จะขับหลบหนีแยกเข้าไปในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยที่นายพริสรขับเลยตรงมุ่งหน้าไปทางจังหวัดชลบุรี
จุดที่ 7 เป็นจุดที่นายณัฐพงษ์ใช้ทางแยกตรงถนนมอเตอร์เวย์ ทางออกลาดกระบัง ก่อนหลบหนีมุ่งหน้าไปทางฉะเชิงเทรา จุดที่ 8 ที่โรงแรมบางพระรีสอร์ท ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาและภรรยาไปเปิดห้องพักเพื่อกบดานหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่
จุดที่ 9 ที่สะพานเลี่ยงเมืองข้ามแม่น้ำบางปะกง ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่นายณัฐพงษ์ให้การว่า หลังจากก่อเหตุ 2 วันได้นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไปทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง บริเวณกลางสะพานดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังชุดประดาน้ำเพื่อทำการค้นหาอาวุธปืนที่นายณัฐพงษ์อ้างว่ามาโยนทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง และคัดค้านประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเคยมีหมายจับในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหลายคดี และเคยหลบเลี่ยงการประกันตัวในชั้นศาลมาก่อน โดยที่นายณัฐพงษ์ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด
วันนี้ (22 ม.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. ที่ สน.ประเวศ พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิพนธ์ ทองแสงบุญญา รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ท.เหรียญชัย เหล่าที พงส. (สบ 2) สน.ประเวศ พร้อมเจ้าหน้าที่ ตร.ฝ่ายสืบสวน ควบคุมตัว นายพริสร หรือณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง หรือ “อ๊อฟ บ้านลาด” อายุ 26 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่ ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันการบินไทย ได้รับบาดเจ็บขณะขับรถอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์เพื่อมุ่งหน้าไปสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ฝั่งขาออก ก่อนถึงทางแยกเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมด 9 จุด โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
จุดแรกเป็นจุดที่ผู้ต้องหาและผู้เสียหายทั้ง 2 คนขับรถปาดหน้ากัน จุดที่ 2 เป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถอยู่ช่องทางที่ 2 ขวามือ ห่างจากจุดแรกประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนกระพริบไฟใส่รถของกับตันการบินไทย จุดที่ 3 เป็นจุดที่นายพริสร ขับรถอยู่ในช่องทางขวาสุดก่อนจะขับตีคู่กันมาและใช้แสงเลเซอร์ส่องไปที่รถบีเอ็มของผู้เสียหาย
จุดที่ 4 ประมาณ กม.ที่ 3 เป็นจุดที่ ร.ท.พูลวิทย์ก็ใช้ไฟฉายส่องกลับไปที่นายพริสร จุดที่ 5 นายพริสร ขับรถไล่ตามรถ ร.ท.พูลวิทย์ก่อนชะลอความเร็วใช้อาวุธปืนยิงใส่จากทางด้านหลังรถ ร.ท.พูลวิทย์ จำนวน 2 นัด แต่ยิงไม่ถูกรถคันดังกล่าว
จุดที่ 6 ซึ่งเป็น กม.ที่ 10 หลังจากที่ ร.ท.พูลวิทย์ ถูกผู้ต้องหาไล่ยิงก็ได้พยายามขับรถหนี แต่ผู้ต้องหาได้พยายามขับรถไล่ตามด้วยความเร็วก่อนยิงใส่รถดังกล่าวจำนวน 2-3 นัด ก่อนกระสุนจะไปถูกบริเวณหัวไหล่ของกับตันการบินไทยได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ ร.ท.พูลวิทย์จะขับหลบหนีแยกเข้าไปในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยที่นายพริสรขับเลยตรงมุ่งหน้าไปทางจังหวัดชลบุรี
จุดที่ 7 เป็นจุดที่นายณัฐพงษ์ใช้ทางแยกตรงถนนมอเตอร์เวย์ ทางออกลาดกระบัง ก่อนหลบหนีมุ่งหน้าไปทางฉะเชิงเทรา จุดที่ 8 ที่โรงแรมบางพระรีสอร์ท ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาและภรรยาไปเปิดห้องพักเพื่อกบดานหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่
จุดที่ 9 ที่สะพานเลี่ยงเมืองข้ามแม่น้ำบางปะกง ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่นายณัฐพงษ์ให้การว่า หลังจากก่อเหตุ 2 วันได้นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไปทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง บริเวณกลางสะพานดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังชุดประดาน้ำเพื่อทำการค้นหาอาวุธปืนที่นายณัฐพงษ์อ้างว่ามาโยนทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง และคัดค้านประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเคยมีหมายจับในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหลายคดี และเคยหลบเลี่ยงการประกันตัวในชั้นศาลมาก่อน โดยที่นายณัฐพงษ์ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด