พิจิตร - กลายเป็นเขตอิทธิพลเถื่อนไปแล้วสำหรับ อบต.ท่าขมิ้น อำเภอโพทะเล เมืองชาละวัน หลัง 2 ชายฉกรรจ์สวมหมวกปิดบังใบหน้า บุกตบ-กระทืบ ปลัด อบต.หญิง กลางวันแสกๆ จนอาการสาหัสปางตาย เผยประวัติเป็นคนเถรตรง ขัดแย้งผู้บริหาร-ส.อบต.ถูกเดินขบวนประท้วงมาแล้ว
วันนี้ (24 ม.ค.) นายธวัชชัย เลี้ยงประเสริฐ ท้องถิ่นจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า กรณีมีอิทธิพลมืดบุกคุกคามปลัด อบต.ท่าขมิ้น อ.โพทะเล จ.พิจิตร โดยเหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มกราคม 54 ในที่ทำการ อบต.ท่าขมิ้น ขณะที่ นางพรสุรีย์ ศรลัมพ์ หรือ ป.ซี ปลัด อบต.ท่าขมิ้น ทำงานอยู่ในสำนักงานช่วงพักเที่ยงตามลำพัง ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คนสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า และสวมหมวกกันน็อคอีกชั้นหนึ่ง ได้ตรงเข้ามายังโต๊ะที่นางพรสุรีย์ หรือ ป.ซี ก้มหน้าทำงานอยู่ แล้วรุมเข้าชกต่อยทุบตีจนปาก-เบ้าตา-ศีรษะแตก และกระเด็นตกจากเก้าอี้ จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คน ยังรุมเตะและกระทืบ จน ป.ซี อาการสาหัส นอนจมกองเลือดอยู่ใต้โต๊ะทำงาน จนมีคนมาพบจึงช่วยกันหามส่งโรงพยาบาลพิจิตร ในสภาพอาการสาหัส
เบื้องต้นสอบสวนทราบว่า นางพรสุรีย์ หรือ ป.ซี เคยถูกชาวบ้านและสมาชิก อบต.ท่าขมิ้น เดินขบวนขับไล่ อีกทั้งมีคดีฟ้องร้องกับผู้บริหารและผู้นำชุมชน โดยต้นเหตุมาจาก ป.ซี เป็นคนที่ยึดกฎระเบียบขาดการผ่อนสั้นผ่อนยาว และไม่ลดราวาศอกให้กับนายก อบต.และผู้บริหาร เคยถูกย้ายมาถึง 3 แห่ง ทุกแห่งที่อยู่ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ถูกเด้งมาประจำที่ห้องท้องถิ่น ศาลากลางจังหวัดพิจิตร ก็หลายรอบ ซึ่งอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ถูกอิทธิพลมืดคุกคามและรุมทำร้าย จนอาการสาหัสปางตาย
ล่าสุด ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายขวัญข้าราชการท้องถิ่นที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ไกลปืนเที่ยง
นอกจากนี้ อาการของ ป.ซี ขณะนี้ทรุดลงอย่างน่าเป็นห่วง อีกทั้งญาติพี่น้องเกรงจะถูกทำร้ายเพื่อเป็นการปิดปาก จึงได้ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.พุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก แล้ว
นายธวัชชัย ระบุอีกว่า และเพื่อความปลอดภัยของ ป.ซี ขณะนี้ นายก.อบต.ได้มีการประชุมและลงมติให้ย้าย ป.ซี ออกจากพื้นที่ อบต.ท่าขมิ้น เป็นการชั่วคราว ให้มาประจำที่ห้องท้องถิ่นศาลากลางจังหวัดพิจิตร โดยจะให้เริ่มทำงานหลังจากที่หายป่วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยของข้าราชการประจำที่เป็นคนต่างถิ่นแต่ต้องไปขัดใจกับเจ้าถิ่น จนทำให้อยู่ยากลำบาก โดยจะต้องเรียกผู้นำท้องถิ่นมากำชับถึงการดูแลข้าราชการประจำด้วย เพื่อให้เกิดความปรองดองกับท้องถิ่นต่อไป