สภาเขลางค์นครเดือด-นายก ฉะ ส.ท.ตัดงบเหี้ยน ทั้งงบบำรุง ยันเงินหนุนโครงการป้องสถาบัน

ลำปาง - เวทีประชุมสภาเทศบาลเขลางค์นคร เดือด นายกเล็ก เลือดขึ้นหน้าฉะกลางสภา หลัง ส.ท.คนละพวกรุมตัดงบรายจ่ายปี 54 เหี้ยน ทั้งค่าบำรุงสันนิบาตเทศบาล ไปจนถึงงบสนับสนุนโครงการปกป้องสถาบัน

รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ในการประชุมสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นครลำปาง สมัยที่ 1 เมื่อ 20 ม.ค.54 ที่ผ่านมา เกิดการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด เมื่อ นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ได้เสนอร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 เข้าที่ประชุมสภาเทศบาล สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2554 รวม 190,000,000 บาท

โดยในที่ประชุมสภาได้มีมติรับหลักการร่างเทศบัญญัติดังกล่าว และให้มีการพิจารณาในวาระที่ 2 ขั้นแปรญัตติ และวาระที่ 3 ขั้นลงมติอีกครั้ง แต่ในการประชุมวาระที่ 2 ขั้นแปรญัตตินั้น ปรากฏว่า งบประมาณร่ายจ่ายได้ถูกตัดลดไป 25,645,170 บาท เหลือเพียง 164,354,830 บาท

เมื่อฝ่ายบริหารเห็นงบประมาณถูกตัดเกือบ 26 ล้านบาท และ นายประยูร แก้วเดียว ในฐานะประธานคณะกรรมการ แปรญัตติ ไม่ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณที่ถูกตัดเข้าชี้แจง จึงทำให้นายกเทศมนตรี ถึงกับเลือดขึ้นหน้า เพราะเห็นว่างบประมาณที่ถูกตัดเป็นส่วนสำคัญต่อการบริหารงาน และเป็นประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ จึงลุกขึ้นต่อว่าประธานคณะกรรมการแปรญัตติ และ ส.ท.ที่ลงมติเห็นชอบให้ตัดงบประมาณกลางที่ประชุมสภา

สำหรับงบประมาณที่ถูกตัดออกไป อาทิ รายจ่ายเงินค่าบำรุงสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ตั้งไว้ 241,980 บาท แต่ถูกตัดงบทั้งหมด โดยคณะกรรมการให้เหตุผลว่าเนื่องจากไม่ใช่องค์กรราชการ ไม่สามารถอุดหนุนได้, ประเภทค่าใช้จ่ายในโครงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งไว้ 200,000 บาท ถูกตัดเหลือ 10,000 บาท เหตุผลเพราะงบประมาณรายจ่ายปี 2553 ที่ตั้งไว้เพียงพอต่อการดำเนินการ, ประเภทวัสดุไฟฟ้าและวิทยุ ตั้งไว้ 60,000 บาท ถูกตัดเหลือ 30,000 บาท, ประเภทวัสดุเชื้อเพลิงและหล่อลื่นตั้งไว้ 2,900,000 บาท เหลือ 2,400,000 บาท,

รายจ่ายโครงการศึกษาดูงานและเข้าร่วมงานมหกรรมจัดการศึกษา ประจำปี 2554 ตั้งไว้ 500,000 บาท ถูกตัดทั้งหมด เนื่องจากโครงการซ้ำซ้อนกับโครงการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาที่ตั้งไว้ 200,000 บาท, รายจ่ายโครงการจัดตั้งห้องสมุดเทศบาลเมืองเขลางค์นครตั้งไว้ 300,000 บาท ตัดออกทั้งหมด เนื่องจากโครงการไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน , รายจ่ายโครงการอบรมสัมมนาเครือข่ายการดำเนินงานด้านสาธารณสุขในการแก้ไขปัญหาการควบคุมและป้องกันโรคตั้งไว้ 100,000 บาท ถูกตัดทั้งหมด เนื่องจากตั้งงบประมาณซ้ำซ้อน

สำหรับคณะกรรมการแปรญัตติ ที่อนุมัติให้มีการตัดงบประมาณมี จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายประยูร แก้วเดียว เป็นประธานคณะกรรมการ, นายประสิทธิ์ ก๋าทอง, นางอารุณ ศรียอด, นายทอน ใจยาธิ, นายมานิตย์ ตันสุวรรณ์ และ นางวาสนา แปงคำ

ส่วนสมาชิกผู้ยื่นเสนอแปรญัตติมีจำนวน 5 คน คือ นายจักรพงษ์ ธรรมใจ, นายวันชัย อินทะนัก, นายสมพงษ์ หาญเหมย, นายภวัต ใจแก้วแดง และ นางแสงเดือน เชียงวงศ์ ซึ่งได้ปรับลดงบประมาณลงจำนวน 25,645,170 บาท จากเดิม 190,000,000 บาท เหลือ 164,354,830 บาท โดยตัดลดจากงบกลางประมาณ 241,980 บาท, สำนักปลัดเทศบาล 6,277,830 บาท, กองวิชาการ 1,410,000 บาท, กองการศึกษา 4,235,000 บาท, กองสาธารณสุข 3,450,000 ล้านบาท, กองสวัสดิการ 740,000 บาท และกองช่าง 9,290,360 บาท

หลังจากนั้น นายพันธ์ศักดิ์ คำแก้ว ประธานสภาเทศบาล จึงได้ขอมติจากที่ประชุม โดยสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ได้มีมติ 9 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง (นับรวมประธานและเลขานุการสภาเทศบาล) มีสมาชิกสภาเทศบาล ลา 1 คน จากจำนวนสมาชิกสภาเทศบาล ทั้งหมด 18 คน มีมติตัดงบประมาณที่ได้เสนอในวาระรับหลักการ จาก 190,000,000 บาท ปรับลดค่าใช้จ่ายลง 25,645,170 บาท เหลือ 164,354,830 บาท

นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า จากการร่วมกันประชุมพิจารณาเสนอขอแปรญัตติ ของคณะกรรมการแปรญัตติฯ ไม่ได้มีการเชิญ ผอ.กอง หรือผู้เกี่ยวข้องเข้ามาสอบถามถึงความจำเป็นในการตั้งงบประมาณต่างๆ ซึ่งทางประธานคณะกรรมการ คือ นายประยูร แก้วเดียว ควรจะสอบถามถึงความจำเป็นก่อน แต่มีมติเห็นชอบในการปรับลดรายจ่ายที่ทางสมาชิกสภาเทศบาลได้เสนอขอแปรญัตติมา

ทำให้งบประมาณที่สำคัญถูกตัดไปกว่า 25,000,000 บาท ซึ่งการปรับลดงบประมาณก็คงจะดีที่ได้เงินสะสมเพิ่ม แต่จะเกิดผลกระทบต่อประชาชน ที่จะไม่ได้รับประโยชน์ในบริการสาธารณะต่างๆ เท่าที่ควร

แต่อย่างไรก็ตาม ทางคณะผู้บริหารและส่วนราชการต่างๆ ของเทศบาล ก็ต้องยอมรับกับมติของสภาเทศบาล และจะได้ชี้แจงต่อประชาชนในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นครได้ทราบและเข้าใจต่อไป

ด้าน นายประยูร แก้วเดียว ได้ชี้แจงว่า ในชุดคณะกรรมการแปรญัตติ มีทั้งหมด 6 คน ซึ่งตนจะตัดสินใจเพียงคนเดียวก็คงไม่ได้ เรื่องใดที่ตนเห็นด้วยแต่คณะกรรมการท่านอื่นไม่เห็นด้วย ก็ต้องเอาเสียงส่วนใหญ่ไว้ ซึ่งตนไม่ได้ตัดสินใจโดยพลการ