xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.3 เดินเกม “สกัดคนล้มเจ้า”ปลุกผู้นำ 17 จว.เหนือป้องชาติ-ราชบัลลังก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาค 3 ทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง ได้ประกาศชัดขจัดขบวนการล้มเจ้าทุกรูปแบบในพื้นที่ภาคเหนือ
รายงาน
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่

หลังการทำพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช , สมเด็จพระเอกาทศรถ,สมเด็จพระสุพรรณกัลยา เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2553 ก่อนเข้ารับมอบหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 3 -ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงความภายในภาค 3 ของ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว ดูเหมือนจะส่งผลสะเทือนต่อปัญหาความมั่นคงของพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ในหลายมิติ

ด้วยภารกิจที่ประกาศชัดเจนตั้งแต่วันรับมอบตำแหน่ง 4 ประเด็นหลักคือ

1.สกัดกั้น ปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะตามแนวตะเข็บชายแดน
2.ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ
3.สกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
4.ทำความเข้าใจต่อมวลชนใน 17 จว.ภาคเหนือ ต่อกรณีเหตุการณ์วันที่ 17 เม.ย.2553

ครานั้น พล.ท.วรรณทิพย์ ได้กล่าวย้ำด้วยว่า “มีผู้ไม่หวังดีสร้างความไม่สงบในพื้นที่ ไม่หวังดีต่อสถาบัน”

จากนั้นเป็นต้นมา พล.ท.วรรณทิพย์ พร้อมด้วยคณะนายทหารในกองทัพภาคที่ 3 ได้ออกเดินสายพบปะกับผู้นำท้องถิ่น ทั้ง อบจ.-เทศบาล-อบต.-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนส่วนราชการ ในจังหวัดต่าง ๆ เริ่มจากจังหวัดพิจิตร ที่ได้เปิดเวทีในวันเดียวกับที่เข้ารับมอบตำแหน่ง (4 พ.ย.) ทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนเมืองชาละวัน กว่า 1 พันคนทันที

ตามมาด้วยการเปิดเวทีในลักษณะเดียวกันหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย , พะเยา , สุโขทัย ฯลฯ และล่าสุดที่เชียงใหม่ เมื่อ 1 ธ.ค.2553 ท่ามกลางตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น - ผู้นำชุมชน กว่า 4,000 คน

และ 13 ธ.ค.2553 มีกำหนดเดินทางชี้แจงผู้นำชุมชนที่จังหวัดลำปาง,14 ธ.ค. 2553 เดินทางชี้แจงผู้นำชุมชนที่จังหวัดกำแพงเพชร ,15 ธ.ค. 2553 เดินทางชี้แจงผู้นำชุมชนที่จังหวัดน่าน - อุตรดิตถ์,17 ธ.ค. 2553 เดินทางชี้แจงผู้นำชุมชนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ดูเหมือนว่า ประเด็นที่แม่ทัพภาคที่ 3 หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกับผู้นำชุมชนทุกจังหวัด นอกจากจะเน้นย้ำภารกิจของกองทัพภาคที่ 3 ที่ต้องดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ก็คือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

17 พ.ย. 2553 พล.ท.วรรณทิพย์ ได้กล่าวย้ำต่อหน้า 1,921 ผู้นำชุมชนเชียงราย ที่เป็นจังหวัดที่ 4 ในการเดินสาย

“ที่ผ่านมา สังคมไทยเกิดความสับสนไม่รู้บทบาทของตัวเอง ผมขอบอกพวกเราทุกคนเพื่อไม่ให้สับสน ว่า ตราบใดที่สังคมไทยยังเป็นเช่นนี้ และมีรัฐธรรมนูญอย่างนี้ พวกเราทุกคนในที่นี้เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

ส่วนที่เวทีพะเยา เมื่อ 24 พ.ย.2553 พล.ท.วรรณทิพย์ บอกกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดพะเยากว่า 1,000 คน ว่า ที่ผ่านมายังพบว่าคนบางกลุ่มพยายามในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง

ดังนั้น ทหาร ซึ่งมีภารกิจหน้าที่โดยตรงในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องทำทุกวิถีทางในการรักษาไว้ซึ่งสถาบันดังกล่าว รวมไปถึงข้าราชการ ตำรวจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทุกคน ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังที่จะปกป้องสถาบันหลักนี้ไว้ให้จงได้

รวมไปถึงการยกทีมเข้าหารือร่วมกับ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เมื่อ 26 ต.ค.2553 ที่ 2 ขุนพล ที่ต้องรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ต่างประกาศย้ำชัดเจนอีกรอบว่า การล่วงละเมิดหรือจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด เพราะประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

แต่ที่ผ่านมามีคนบางกลุ่มฉวยโอกาสจากความไม่รู้และไม่เข้าใจของประชาชนมาบิดเบือนใส่ร้ายและจาบจ้วงเบื้องสูง ในเรื่องนี้ทางทหารมีนโยบายชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และพร้อมที่จะสนับสนุนทางตำรวจอย่างเต็มที่หากมีการร้องขอ

นอกจากนี้ หากมีกรณีการหมิ่นสถาบันในอนาคต จะให้ทหารในพื้นที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที

ตอกย้ำให้เห็นถึง “การมีอยู่” ของขบวนการล้มเจ้า

อีกประเด็นหนึ่ง ที่กองทัพภาคที่ 3 ภายใต้การนำทีมของ พล.ท.วรรณทิพย์ เพ่งเล็งให้ความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากเรื่องความมั่นคงและสถาบันสูงสุดคือ เรื่องปัญหาการบุกรุกทำลายป่า

ซึ่งระหว่างการเปิดเวทีพบปะผู้นำท้องถิ่นหลายจังหวัด แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ระบุว่า หากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่ดำเนินการ เราก็จะมีวิธีการที่จะเร่งรัดให้เกิดการดำเนินการเช่นกัน และท้ายที่สุดหากยังไม่ปฏิบัติก็จะต้องถึงขั้นให้ย้ายออกไปจากพื้นที่

ขณะที่ประเด็นปัญหายาเสพติด ที่พื้นที่ชายแดนภาคเหนือ เป็นช่องทางลักลอบนำเข้าสำคัญนั้น หลังการบูรณาการ การทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพภาคที่ 3 , ตำรวจภูธรภาค 5 , ป.ป.ส. ผ่านศูนย์อำนวยการประสานงานสกัดกั้นและแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปชน.) จะทำให้ยอดการจับกุมยาเสพติดห้วง 1 เดือนเศษของปีงบประมาณใหม่ เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัว มียอดของกลางยาบ้ากว่า 4-5 ล้านเม็ด ยาไอซ์ อีกกว่า 50 กก.

แน่นอน ... ขณะนี้ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น สำหรับกระบวนการกระชับพื้นที่ความมั่นคงในมิติต่าง ๆ ของ 17 จังหวัดภาคเหนือ

แต่ก็ทำให้ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ผ่านการจับกุมชายฉกรรจ์ ที่เคยฝึกการใช้อาวุธจากประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างที่เข้ามากบดานอยู่ที่รีสอร์ตหรู อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ , การจับกุมผู้ต้องหาคดียิง M79 ถล่มจุดสำคัญต่าง ๆ ทั้งที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ตลอดจนผลการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ที่ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในห้วงเดือนตุลาคม 2553 เป็นต้นมา ฯลฯ

ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า สภาพปัญหามีอยู่จริง ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น