xs
xsm
sm
md
lg

บึ้ม!โรงเรียนเปรมฯขอนแก่น ตำรวจ-ทหาร รู้อยู่เต็มอก...ฝีมือใคร ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรงเรียนเปรม ติณสูลานนท์ ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง โดนระเบิดมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยจับคนที่ก่อเหตุได้เลย และครั้งล่าสุดก็คงจับตัวการไม่ได้อีกตามเคย
รายงาน
ศูนย์ข่าวขอนแก่น

เหตุลอบวางระเบิดโรงเรียนเปรม ติณสูลานนท์ ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง เมื่อใกล้รุ่งวันที่ 8 ม.ค.2554 ป็นเหตุอุกอาจที่เกิดขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่ 3 ภายในไม่ถึงรอบปี หลังจากถูกคนร้ายปาระเบิดป้ายชื่อโรงเรียนมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 20 มี.ค.2553 ครั้งที่ 2 วันที่ 13 ต.ค.2553 แต่ครั้งนี้พุ่งเป้าห้องสมุดรักแผ่นดิน ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียน ผลจากแรงระเบิดทำให้พื้นปูนใกล้ประตูกระจกเข้าห้องสมุด เป็นหลุมลึก 3 ซม. กว้าง 5.5 ซม. ยาว 10 ซม. แรงอัดระเบิดทำให้กระจกประตูแตกทั้งบาน กรอบประตูบิดเบี้ยวเสียรูป กระจกหน้าต่างที่อยู่ด้านหน้าห้องแตกกระจายทั้งแถบ

นอกจากนี้ป้ายคำว่า "เกิดมาต้องทดแทนคุณแผ่นดิน" และลายเซ็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ผนังด้านขวาของประตูห้องได้รับความเสียหายไปด้วย ส่วนภายในห้องสมุด รูปปั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ตั้งอยู่บนฐานปูนสูงราว 1 เมตร ห่างประตูราว 6 เมตรพังด้วยเช่นกัน

ลักษณะก่อเหตุครั้งล่าสุดจงใจให้เกิดความเสียหาย เพราะใช้ระเบิดชนิด ทีเอ็นที ขณะที่ครั้งแรกใช้ประทัดยักษ์ ครั้งที่ 2 เป็นระเบิดชนิดขว้างไม่รุนแรง

หลังเกิดเหตุซ้ำเป็นครั้งที่ 3 มีคำถามตามมามากมายว่าเหตุใดต้องเจาะจงเป้าเป็น “โรงเรียนเปรม ติณสูลานนท์”แห่งนี้เท่านั้น ทั้งที่ตั้งอยู่ติดกับพื้นที่กองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ ขณะเกิดเหตุมีทั้งครู-นักการภารโรง และนายทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ เข้าเวรดูแลความปลอดภัยด้วยถึง 5 นาย

จากการสอบสวนพยานแวดล้อมเหล่านี้ไม่มีใครให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่จะนำไปสู่การสืบหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายได้ ซ้ำกล้องวงจรปิด 2 ตัว ที่ติดตั้งบริเวณด้านหน้าโรงเรียนก็ไม่ปรากฏภาพผู้ต้องสงสัย เป็นไปได้คนร้ายลอบเข้ามาจากด้านข้างหรือหลังโรงเรียนซึ่งมีสภาพเป็นป่ารก และมืดมาก แม้หลายคนจะยอมรับว่าได้ยินเสียงคล้ายระเบิดเมื่อราวตี 3 แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบทันที
วามเสียหายที่เกิดขึ้นกันโรงเรียน แม้ไม่มากนัก แต่สร้างความสนใจให้แก่ผู้ที่ติดตามเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
**เหตุระเบิดซ้ำเป็นครั้งที่ 3ดังกล่าว หลายฝ่ายพุ่งเป้าเป็นฝีมือกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ เพราะขอนแก่นถือเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดงอีกแห่งหนึ่ง วีรกรรมปิดถนนมิตรภาพ ยึดขบวนรถไฟขนยุทธโทปกรณ์ทางทหาร เผาศาลากลาง-สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นผลงานตอกย้ำพฤติกรรมให้ชวนสงสัยอย่างช่วยไม่ได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดง บริวารนช.แม้ว เห็นรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์เป็นศัตรูอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ต้องการสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบด้วยการทำลายโรงเรียนแห่งนี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ทางการเมือง***

แรงระเบิดครั้งนี้ได้ทำลายสัญลักษณ์ของพล.อ.เปรม เสียหายยับ ทั้งรูปเหมือนปูนปั้นและลายเซ็น รวมถึงป้ายคำว่า "เกิดมาต้องทดแทนคุณแผ่นดิน" ก็ถูกทำลายไปด้วย ขณะที่ 2 ครั้งก่อนเสียหายแค่ป้ายชื่อโรงเรียน

โรงเรียนเปรมติณสูลานนท์แห่งนี้ เดิมชื่อโรงเรียนหนองกุงวิทยายน ตั้งอยู่ห่างจากองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ไม่มากนัก อยู่ในความอนุเคราะห์และได้รับความช่วยเหลือทุกๆด้านจากมูลนิธิเปรมติณสูลานนท์ ในปี 2545 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีได้อนุญาตให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนหนองกุงวิทยายน เป็น "โรงเรียนเปรมติณสูลานนท์" 

พล.ต.ต.นิคม อินเฉิดฉาย ผบก.ภ.จว.ขอนแก่นระบุว่าผลจากการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิษฐานเหตุระเบิดครั้งนี้ ไว้ 3 ประเด็น คือ1.สร้างสถานการณ์ทางการเมือง 2.ปัญหาความขัดแย้งภายในโรงเรียนและ3ความขัดแย้งส่วนบุคคล
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 รู้อยู่แก่ใจว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดโรงเรียนเปรม ติณสูลานนท์
“โดยทั่วไปแล้วคนอาจมองว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นเรื่องการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล แต่จากการสอบสวนพบว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะคนเสื้อแดงในพื้นที่บริเวณนี้ไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองมานานแล้ว แต่ยอมรับว่ากลุ่มคนที่วางระเบิดดังกล่าวมีความรู้เรื่องการใช้ระเบิดมากพอสมควร”

ขณะที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบช.สำนักงานตำรวจแห่งชาติเองได้กล่าวถึงเหตุระเบิดดังกล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง หรือตัว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนมากกว่า

อย่างไรก็ตาม กรณี “ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว”ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากกว่าประเด็นใด หลังจาก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ขณะไปตรวจราชการที่ค่ายเปรมฯขอนแก่นเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2554 โดยแสดงอาการกินปูนร้อนทอง ปฏิเสธเสียงแข็งว่าเหตุลอบวางระเบิดดังกล่าวไม่เกี่ยวกับทหาร เพราะจากการตรวจสอบคลังแสงในค่ายเปรมฯขอนแก่นนั้น ระเบิดทีเอ็นทียังอยู่ครบ ซึ่งระเบิดทีเอ็นทีหาได้จากหลายทาง

สอดรับกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในวันเดียวกันที่อ้างว่ายังไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปเรื่อยๆ แต่ยืนยันว่าเหตุที่เกิดทั้ง 3 ครั้ง มีเบาะแสของคนร้าย แต่เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะจับกุมคนร้ายได้

 หากติดตามข่าวลอบระเบิดโรงเรียนเปรมฯมาแต่ต้นและพิเคราะห์ให้ละเอียดจะพบว่า คดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนมากเกินความสามารถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งเป็นประเด็นส่วนตัวด้วยแล้วเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสืบสวนสอบสวนคลายปมได้แค่ข้ามวัน แต่ที่ตำรวจสาวหลักฐานคลำไม่ถึงผู้ต้องหาเพราะเจอป้าย “เขตทหารห้ามเข้า”กั้นอยู่ แม่ทัพภาคที่ 2 รู้แก่ใจดีว่าใครคือมือปาบึ้มโรงเรียนป๋า แต่เลือกที่จะให้เป็นปริศนาต่อไปเพราะกลัวสีเขียวเปื้อน

โรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ อ.น้ำพอง เป็นเพียงเหยื่อของเสธ.ทหารบางคนที่มีปัญหาขัดแย้งกับเพื่อนร่วมสีเดียวกันในค่ายเปรมฯ เหตุเพราะขัดผลประโยชน์กันเองจากการนำไม้อันเป็นผลพวงโครงการตัดแนวถนนเลียบค่าย ซึ่งมีพื้นที่กว่า 5พันไร่ไปใช้หรือขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่แบ่งปันกัน เรื่องนี้บานปลายถึงขั้นร้องเรียนต้นสังกัดและตั้งกรรมการสอบไปแล้ว แต่สุดท้ายบทลงโทษแค่ย้ายเสธ.มอดไม้ไปอยู่โคราช

ขณะที่ปมปัญหาคาใจไม่ได้สะสาง จึงสั่งสมเป็นความแค้น ครั้นจะระบายลงในค่ายเปรมฯก็เสี่ยงเกิน โรงเรียนเปรมฯจึงกลายเป็นเป้าถล่มแทน อย่างน้อยก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุด

เชื่อเถอะ...คดีนี้อีกไม่นานก็เงียบ และลุ้นกันต่อว่า ระเบิดหนที่ 4 จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกกี่เดือน !
กำลังโหลดความคิดเห็น