ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แม่ทัพภาค 2 ยืนยันทหารไม่เกี่ยวเหตุบึ้มห้องสมุดโรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ จ.ขอนแก่น เสนอข่าวผูกโยงกันไปเอง ทั้งนี้อาวุธของกองทัพรวมทั้งระเบิด TNT ในคลังอาวุธค่ายเปรมฯ จ.ขอนแก่น ยังอยู่ครบ ด้าน ผบช.ภ 4 อ้างพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.วันนี้ (11 ม.ค.) พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุระเบิดอาคารห้องสมุดรักแผ่นดิน โรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมกำชับทหารค่ายกองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรม ติณสูลานนท์ ให้ช่วยกันหาเบาะแสคนร้าย เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากค่ายประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น อีกทั้งเกิดเหตุซ้ำมาแล้วถึง 3 ครั้ง จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกสังคมโยงไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีเหตุที่เกิดขึ้นว่า อาจเป็นการสร้างสถานการณ์เชิงสัญลักษณ์เจาะจงไปที่ความไม่พอใจที่มีต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่าความตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม พล.ท.ธวัชชัยกล่าวว่า ตนได้ตั้งกรรมการในส่วนของทหาร เพื่อตรวจสอบหาผู้กระทำผิด ควบคู่กับการทำงานของตำรวจด้วย ส่วนกระแสข่าวที่ว่าเหตุระเบิดดังกล่าวอาจเป็นฝีมือของทหารนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งวัตถุระเบิดที่คนร้ายนำไปใช้นั้น ยังสามารถหาได้จากหลายทางหลายแหล่ง และยืนยันว่าจากการรายงานของค่ายกองพันทหารม้าที่ 14 ค่ายเปรม ติณสูลานนท์ ขอนแก่นนั้น อาวุธของกองทัพรวมทั้งระเบิด TNT ที่อยู่ในคลังของค่ายยังอยู่ครบถ้วน
ขณะที่ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในช่วงสายวันนี้ (11 ม.ค.) เช่นกัน
พล.ต.ท.สมพงษ์เปิดเผยความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปเรื่อยๆ แต่ยืนยันว่าเหตุที่เกิดทั้ง 3 ครั้ง มีเบาะแสของคนร้าย แต่เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะจับกุมคนร้ายได้
ด้านผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ระบุว่าจากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ วัตถุระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นพบสาร TNT ซึ่งสารทีเอ็นทีสามารถพบได้ในระเบิดรุนแรงทุกชนิด ซึ่งการแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำโยงไปสู่ตัวคนร้ายนั้น เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนที่จะนำหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไปเชื่อมโยงกับพฤติกรรม และการกระทำของบุคคลเพื่อสืบหาคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป