ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านสุดทน โทรแจ้งหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา ให้ช่วยเหลือเด็กสองคนพี่น้องที่ถูกพ่อขี้เมา ตบตีทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บเป็นประจำ ก่อนส่งโรงพยาบาลแล้วแจ้งผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจากนางสำออย บุญน้อย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 178/98 หมู่ 5 ต.หนองขาม และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านพูลสุขวิลล่า หมู่ 5 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยนำรถมารับเด็กสองพี่น้อง ที่ถูกพ่อทุบตีจนอาการสาหัสนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้เดินทางไปยัง บ้านเลขที่ 178/31 หมู่ 5 ตำบลหนองขาม ของนายบุญเสริม ทองสกุล อายุ50ปี คนที่ได้ช่วยเหลือเด็กทั้งสองไว้ที่บ้านตัวเองตามที่ได้รับแจ้ง พบร่างของ ด.ช.สหรัฐ โชติวรรรณ อายุ 6 ขวบ นอนอยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว โดยมีอาการหนาวสั่น ตัวร้อนจัด มีเลือดไหลออกมาจากทางปากและจมูก ศีรษะบวดปูด และตามร่างกายมีรอยเขียวช้ำทั่วตัว โดยมี ด.ช.อัครวุฒิ โชติวรรณ อายุ 5 ขวบ ซึ่งเป็นน้องชาย ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ด.ช.อัครวุฒิ ตามร่างกายมีรอยเขียวช้ำทั่วตัวเช่นกัน และที่ศีรษะมีบาดแผลช้ำบวม
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่าวอุดมเป็นการด่วน พร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาม และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ให้ทราบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เพื่อมาให้การช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นแก่เด็ก 2 คน
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพบว่า ด.ช.สหรัฐ อาการหนัก หายใจไม่ค่อยออก เนื้อตัวสั่น ไข้ขึ้นสูง ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไม่มากนัก ให้การได้แต่เพียงว่าถูกพ่อทุบตีและตบหลายครั้งเพราะทำเงินที่พ่อให้ไปซื้อของหาย และให้การอะไรได้ไม่มาก เพราะอยู่ในอาการหนาวสั่นและมีอาการไข้สูง เจ้าหน้าที่จึงเร่งส่งตัวให้คณะแพทย์โรงพยาบาลอ่าวอุดมทำการรักษา
ส่วน ด.ช.อัครวุฒิ ผู้เป็นน้อง ยังอยู่ในอาการหวาดผวาและหวาดกลัว แต่พอให้รายละเอียดได้บ้าง โดย ด.ช.อัครวุฒิ บอกว่าถูกพ่อตี โดยโชว์ร่องรอยบาดแผลตามลำตัวหลายแห่งให้ผู้สื่อข่าวดูอย่างน่าเวทนา ด้วยความที่ ด.ช.อัครวุฒิ ยังอยู่ในอาการหวาดผวาจึงยังไม่กล้าพูดอะไรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมากนัก ส่วนผู้เป็นแม่นั้นชาวบ้านบอกว่าได้เดินทางไปทำงานโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังตั้งแต่เช้าแล้ว และภรรยานั้นกลัวสามีทุบตีจึงไม่กล้าเอ่ยปากในเรื่องนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.ชลบุรี ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 178/77 ม.5 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของเด็กทั้งสองคน ภายในบ้านเจ้าหน้าที่พบนายนาวิน โชติวรรณ อายุ 28 ปี ซึ่งกำลังนอนอยู่ ในบ้านโดยมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง นายนาวินเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ถามว่าได้ทำร้ายลูกตัวเองใช่หรือไม่
นายนาวินให้การรับสารภาพแต่โดยดี โดยให้เหตุผลว่าเด็กดื้อและซน ประกอบกับตัวเองตกงานไม่มีงานทำ จึงทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดและเมาสุรา และก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรไปมากกว่านั้นเนื่องจากเมาสุราอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่าลูกชายถูกทำร้ายจนอาการสาหัสนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอ่าวอุดม ซึ่งนายนาวินก็ไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านหรือเสียใจแต่อย่างใด และไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในบ้านอีกด้วย ให้อยู่ได้แต่ด้านนอก
เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปที่โรงพัก สภ.หนองขาม เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ได้สอบถามถึงที่มาของการทารุณกรรมลูกของตัวเอง ซึ่งหากให้การที่ไม่เป็นประโยชน์หรือให้เหตุผลที่ไม่เพียงพอ และไม่เป็นที่น่าเชื่อถือได้ว่าจะไม่ทำทารุณกรรมลูกของตัวเองอีก เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ก็จะนำเด็กทั้งสองคน ไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชลบุรี เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อความปลอดภัยของเด็กทั้ง 2 คนหรืออาจจะพูดคุยกับทางแม่ของเด็กทั้ง 2 คน
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามนายบุญเสริม ทองสกุล อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 178/31 หมู่ 5 ต.หนองขาม ชาวบ้านในละแวกบ้านของเด็กทั้งสองคนที่ถูกทำร้าย และได้รับการช่วยเหลือ ด.ช.สหรัฐ และ ด.ช.อัครวุฒิ ว่าได้ถูกพ่อทุบตีเป็นประจำ และเดินร้องไห้ออกมาจากบ้านจนชาวบ้านเห็นเป็นประจำ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่ให้อาหารและขนมกินประทังชีวิตไปวันๆ เท่านั้น ส่วนตามเนื้อตัวมีร่องรอยบาดแผลจากการทุบตีเต็มไปหมด
เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.00 น. พระได้มาบิณฑบาต และได้พบเด็กทั้งสองคนนอนอยู่ในพงหญ้า โดยนอนกอดกันกลม เนื้อตัวหนาวสั่นโดยไม่มีผ้าห่มปกคลุมแต่อย่างใด พระจึงได้ปลุกและสอบถามที่มาแต่เด็กไม่พูด พระจึงได้ให้อาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรเอาออกมาให้เด็กทั้งสองคนกิน ซึ่งเด็กทั้งสองคนกินอาหารด้วยความหิวโหยอย่างและเวทนา และพระได้สังเกตเห็นว่าที่ปากและที่จมูกของเด็กผู้พี่มีเลือดไหลออกมา จึงได้เดินมาบอกชาวบ้านให้เข้าไปช่วยดูเด็กให้ด้วย ซึ่งชาวบ้านจึงได้นำเด็กทั้งสองคนมาดูแลในเบื้องต้น โดยปูเสื้อให้นอนและหาผ้าห่มมาห่มให้ แต่เด็กอาการหนักจึงได้โทร.แจ้งขอความช่วยเหลือหน่วยกู้ภัยมาช่วยนำส่งโรงพยาบาลและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทราบดังกล่าว