กาญจนบุรี - สำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 3 สาขากาญจนบุรี จับมือสมาคมชาวแพชาวเรือ ประชุมเสริมสร้างความปลอดภัยทางน้ำให้กับนักท่องเที่ยวหลังเกิดประสบอุบัติเหตุทางน้ำมาแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (11 มี.ค.) นายประโยชน์ ทองภักดี หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 3 สาขากาญจนบุรี พร้อมด้วย นายเอกชัย พุ่มไหม เจ้าพนักงานการตรวจเรือชำนาญการ นายประทิน ออมสิน เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมประชุมเสริมสร้างความปลอดภัยทางน้ำให้กับนักท่องเที่ยว โดยมีผู้ประกอบการแพล่อง กว่า 50 คนเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ที่บริเวณแพอาหารริมน้ำ ร้านลุงแหมะ
นายประโยชน์ ทองภักดี กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ทางกรมเจ้าท่าฯ พร้อมด้วยสมาคมชาวแพชาวเรือ และผู้ประกอบการแพล่อง เพื่อวางมาตรการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาล่องแพ ซึ่งเหตุการณ์แพล่องล่มจำนวน 2 หลังเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งจากการตรวจสอบหาสาเหตุ พบว่า เป็นความประมาทของเจ้าของแพและพนักงานของแพเอง ที่ลืมปิดฝาทุ่นขณะให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ประกอบกับแพล่องอยู่ในสภาพที่เก่ามาก เนื่องจากใช้งานมากว่า 20 ปีแล้ว และทุ่นก็มีเพียง 3 ทุ่นเท่านั้น ปัจจุบันแพทุกหลังจะต้องมีทุ่นจำนวน 5 ทุ่น จึงจะผ่านการรับรองความปลอดภัยด้านวิศวกรรมจากกรมเจ้าท่า
ปัจจุบันแพล่องที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเฉพาะริมน้ำหน้าเมืองมีกว่า 400 หลัง 95% ได้มาตรฐาน แต่อีก 5% เท่านั้นที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเจ้าท่าจะรีบตรวจสอบแพล่องทุกหลังถ้าหากพบว่า แพหลังไหนไม่ได้มาตรฐานก็จะไม่อนุญาตให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเด็ดขาด
ด้าน นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว ทางกรมเจ้าท่าจึงได้เรียกผู้ประกอบการแพล่อง เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางมาล่องแพ ซึ่งการประชุมได้ข้อสรุปว่าจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว และผู้ประกบการจะต้องตรวจสภาพแพให้สมบูรณ์ก่อนที่จะให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
เช่น ปิดฝาทุ่นให้สนิท และจะต้องมีเสื้อชูชีพให้ครบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงแพ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการอีกไม่กี่รายที่มีแพไม่ได้มาตรฐานของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ทางจังหวัดจึงได้มีการประชุมเข้มข้นขึ้นเพื่อให้ได้ 100% ซึ่งเน้น 2 ประเด็น คือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมให้ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
หากตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่ให้ความร่วมมือก็เป็นหน้าที่ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี สามารถสั่งไม่ให้ผู้ประกอบการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและถ้าหากมีผู้ประกอบการรายใดยังฝ่าฝืนก็จะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถกู้ซากแพล่องที่ล่ม เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาขึ้นมาได้ เนื่องจากบริเวณที่แพล่มนั้นน้ำมีความลึกถึง 25 เมตร
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (11 มี.ค.) นายประโยชน์ ทองภักดี หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 3 สาขากาญจนบุรี พร้อมด้วย นายเอกชัย พุ่มไหม เจ้าพนักงานการตรวจเรือชำนาญการ นายประทิน ออมสิน เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมประชุมเสริมสร้างความปลอดภัยทางน้ำให้กับนักท่องเที่ยว โดยมีผู้ประกอบการแพล่อง กว่า 50 คนเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ที่บริเวณแพอาหารริมน้ำ ร้านลุงแหมะ
นายประโยชน์ ทองภักดี กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ทางกรมเจ้าท่าฯ พร้อมด้วยสมาคมชาวแพชาวเรือ และผู้ประกอบการแพล่อง เพื่อวางมาตรการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาล่องแพ ซึ่งเหตุการณ์แพล่องล่มจำนวน 2 หลังเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งจากการตรวจสอบหาสาเหตุ พบว่า เป็นความประมาทของเจ้าของแพและพนักงานของแพเอง ที่ลืมปิดฝาทุ่นขณะให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ประกอบกับแพล่องอยู่ในสภาพที่เก่ามาก เนื่องจากใช้งานมากว่า 20 ปีแล้ว และทุ่นก็มีเพียง 3 ทุ่นเท่านั้น ปัจจุบันแพทุกหลังจะต้องมีทุ่นจำนวน 5 ทุ่น จึงจะผ่านการรับรองความปลอดภัยด้านวิศวกรรมจากกรมเจ้าท่า
ปัจจุบันแพล่องที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเฉพาะริมน้ำหน้าเมืองมีกว่า 400 หลัง 95% ได้มาตรฐาน แต่อีก 5% เท่านั้นที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเจ้าท่าจะรีบตรวจสอบแพล่องทุกหลังถ้าหากพบว่า แพหลังไหนไม่ได้มาตรฐานก็จะไม่อนุญาตให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเด็ดขาด
ด้าน นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว ทางกรมเจ้าท่าจึงได้เรียกผู้ประกอบการแพล่อง เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางมาล่องแพ ซึ่งการประชุมได้ข้อสรุปว่าจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว และผู้ประกบการจะต้องตรวจสภาพแพให้สมบูรณ์ก่อนที่จะให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
เช่น ปิดฝาทุ่นให้สนิท และจะต้องมีเสื้อชูชีพให้ครบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงแพ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการอีกไม่กี่รายที่มีแพไม่ได้มาตรฐานของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ทางจังหวัดจึงได้มีการประชุมเข้มข้นขึ้นเพื่อให้ได้ 100% ซึ่งเน้น 2 ประเด็น คือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมให้ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
หากตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่ให้ความร่วมมือก็เป็นหน้าที่ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี สามารถสั่งไม่ให้ผู้ประกอบการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและถ้าหากมีผู้ประกอบการรายใดยังฝ่าฝืนก็จะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถกู้ซากแพล่องที่ล่ม เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาขึ้นมาได้ เนื่องจากบริเวณที่แพล่มนั้นน้ำมีความลึกถึง 25 เมตร
