ศูนย์ข่าวศรีราชา - เครือเกษมกิจเดินหน้าทำตลาดการเข้าพักโรงแรมในเครือทั้ง 4 แห่ง ที่ตั้งอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังพบปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ไม่กระทบการขยายลงทุนกลุ่มทุนญี่ปุ่นและยังส่งแรงงานเข้าพักยาวต่อเนื่อง ชี้แผนตลาดปี 53 นอกจากจะเพิ่มยอดเข้าพักที่หายไปจากพิษเศรษฐกิจในปี 2552 ให้ได้ 90% ดังเดิมแล้ว ยังจะเพิ่มสีสันการตลาดด้วยการจัดเทศกาลอาหารนานาชาติหมุนเวียนทั้ง 4 แห่งคู่จุดขายทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของชลบุรี
เมื่อเร็วๆ นี้กลุ่มผู้บริหารโรงแรม 4 แห่งในเครือเกษมกิจ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ประกอบด้วย โรงแรมแคนทารีเบย์โฮเทล แอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศรีราชา โรงแรมคามิโอ เฮาส์ โฮเทลแอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศรีราชา โรงแรมคาราเวล โฮเทลแอนด์เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ศรีราชา และโรงแรมเคปราชา โฮเทลแอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ได้เปิดแถลงนโยบายการทำตลาดร่วมกันในปี 2553 เพื่อกระตุ้นยอดเข้าพักโรงแรมทั้ง 4 แห่งให้ได้ 90% จากจำนวนยอดพักรวมที่มีกว่า 700 ห้อง ซึ่งถือเป็นยอดเข้าพักเดิมที่เคยทำได้ก่อนได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองในปี 2552 ที่ทำให้ยอดเข้าพักรวมลดเหลือเพียง 80%
นายสทาวุฒิ เสริมประเสริฐ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแคนทารี เบย์โฮเทลแอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศรีราชา เผยถึงยอดเข้าพักของโรงแรมที่มีกลุ่มแรงงานชาวญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองเป็นหลักว่า ในนปี 2552 ยอดเข้าพักลดลงเหลือเพียง 80% จากเดิมที่เคยทำได้สูงถึง 90% ในปี 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอลงทุนของกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นจนต้องส่งกลับแรงงาน แต่อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากยอดเข้าพักในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2553 กลับพบว่าอัตรการเข้าพักเริ่มกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น
จากการสำรวจตลาดยังพบว่าจุดขายสำคัญที่ทำให้กลุ่มแรงงานชาวญี่ปุ่นกลับเข้าพักยังโรงแรมดังเดิมเมื่อมีการส่งตัวกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยของบริษัทแม่ ก็คือทำเลที่ตั้งของโรงแรมในเครือเกษมกิจในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ทั้ง 4 แห่งที่อยู่ใจกลางเศรษฐกิจของอำเภอศรีราชา และยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ
ทั้งนี้ แผนการตลาดที่โรงแรมทั้ง 4 แห่งจะทำร่วมกันในปีนี้ นอกจากจะสร้างสีสันด้วยการหมุนเวียนจัดเทศกาลอาหารนานาชาติ เพื่อให้กลุ่มผู้เข้าพักและกลุ่มคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารจากชาติต่างๆ แล้ว ยังจะร่วมกันประชาสัมพันธ์โรงแรมแคนทารีกบินทร์บุรี โรงแรมในเครือแห่งใหม่ที่เปิดให้บริการเมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย
ด้าน นายรัก ชัยกุลเสรีวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเคปราชา โฮเทลแอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และยังดูแลโรงแรมคาราเวล โฮเทลแอนด์เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ศรีราชา เผยว่าการกลับมาเดินเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังผลิตของกลุ่มทุนชาวญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ทำให้การกลับมาของแรงงานชาวญี่ปุ่นเริ่มมีมากขึ้น ผลที่ตามมาคือการแข่งขันทางการตลาดทั้งในกลุ่มโรงแรมและห้องพักที่เพิ่มขึ้นใหม่ และกลุ่มผู้ประกอบการเดิมในพื้นที่ โดยปัจจัยการแข่งขันที่สำคัญคือราคา ซึ่งโรงแรมในเครือเกษมกิจ จะไม่ใช้นโยบายดังกล่าวแต่จะเพิ่มจุดขายความปลอดภัยและกิจกรรมทางการตลาดเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้เข้าพักให้ทำสัญญาในระยะยาว ขณะเดียวกันก็เร่งพัฒนาศักยภาพงานบริการและขีดความสามารถของพนักงานให้เพิ่มมากขึ้น
ตึกต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีทั้ง 4 แห่ง ยังมีการตั้งงบประมาณเพื่อปรับปรุงห้องพักให้มีความสะดวกและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นยังมีบริการเรือนำเที่ยวเกาะสีชัง-เกาะค้างคาว เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้เข้าพักอีกด้วย
“ในช่วงระหว่างวันที่ 11-14 มีนาคม เราประเดิมจุดขายทางการตลาด ด้วยการจัดเทศกาล MEXICAN Food ที่โรงแรมเคปราชาก่อน หลังจากนั้นก็จะหมุนเวียนจัดเทศกาลอาหารชาติต่างๆ เพื่อสร้างกิจกรรมตลอดทั้งปี รวมถึงการทำกอลฟแพกเกจเพื่อดึงกลุ่มนักกอลฟจากทั่วประเทศให้เข้าพักกับโรงแรมในเครือ นอกจากนั้นยังจะจัดทำแผนที่เพื่อโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอศรีราชาให้แก่ลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักเพื่อสร้างกิจกรรมการท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น”
ที่สำคัญในเร็วๆ นี้ เครือเกษมกิจยังจะรีแบรนดิ้งโรงแรมในเครือ โดยแบ่งหมวดหมู่การทำตลาดเพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน คือ กลุ่มเคปโฮเทล คอลเลกชัน จะจับตลาดผู้เข้าพักในระดับบนซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบการเข้าพักโรงแรมที่ให้บริการในรูปแบบของเคป ขณะที่กลุ่มแคนทารี โฮเทลคอลเลกชันจะจับตลาดเป้าหมายรองลงมา โดยเน้นจุดขายที่งานบริการซึ่งเกินความคาดหมายของผู้เข้าพัก ส่วนกลุ่มคามิโอ โฮเทลคอลเลกชัน จะจับตลาดผู้พักที่เน้นด้านความปลอดภัยในการเข้พัก
เช่นเดียวกับนายเศรษฐพงศ์ วรรธนะกุล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมคามิโอ เฮาส์ โฮเทลแอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศรีราชาที่เผยว่า นอกจากการดูแลเรื่องกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าพักแล้ว โรงแรมทั้ง 4 แห่งยังให้ความสำคัญกับการสำรองน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยทุกตึกจะมีแทงค์น้ำขนาดพันลิตรติดตั้งหลายแท็งก์เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งสามารถสำรองน้ำได้นาน 3-4 วันหากเกิดปัญหาน้ำไม่ไหลในพื้นที่ ซึ่งการทำตลาดร่วมกันของโรงแรมทั้ง 4 ตึก นอกจากจะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วแล้วยังสามารถถ่ายโอนผู้เข้าพักในกรณีห้องพักของโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งเต็มได้อย่างทันท่วงที