จันทบุรี - ผู้ว่าฯจันบุรี เตรียมส่งอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนออกสุ่มตรวจล้งผลไม้ในทุกพื้นที่ของจังหวัดช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าที่ผลผลิตทุเรียนจะออกสู่ตลาด หวังหาต้นต่อสวนผลไม้และผู้ประกอบการที่แอบตัดทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย รักษาชื่อเสียงการเป็นเมืองผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี พร้อมเดินหน้าให้ความรู้ผู้ประกอบการและชาวสวนถึงผลกระทบจากการส่งออกทุเรียนอ่อนไปต่างประเทศ
นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เผยถึงมาตรการเด็ดที่จังหวัดจันทบุรีจะใช้จัดการกับผู้ประกอบการและชาวสวนที่ตัดทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาดในปีนี้ว่า นอกจากจะใช้งบประมาณส่วนหนึ่งในการส่งอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ออกสุ่มตรวจล้งผลไม้ในทุกพื้นที่ของจังหวัดในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตทุเรียนของจังหวัดจันทบุรีจะออกสู่ตลาด เพื่อหาต้นตอสวนและผู้ประกอบการที่แอบตัดทุเรียนออกสู่ตลาดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แล้ว ยังจะเดินหน้าจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและชาวสวนถึงผลเสียที่จังหวัดจันทบุรีและประเทศไทยจะได้รับจากการส่งออกทุเรียนไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อภาพลักษณ์การเป็นเมืองผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี
ทั้งนี้ในแต่ละปีจังหวัดจันทบุรีมีผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดมากถึง 60% ของผลผลิตทุเรียนที่มีทั้งประเทศ โดยในปี 2552 จังหวัดจันทบุรี มีผลผลิตทุเรียนมากถึง 2.17 แสนตัน และส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศจีนมูลค่าถึง 5 พันล้านบาท นอกจากนั้นยังมีผลผลิตเงาะ 1.2 แสนตัน ลองกอง 3.2 หมื่นตัน และมังคุด 7 หมื่นตัน ไม่นับรวมผลผลิตลำใยที่ปัจจุบันเริ่มมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ
“เรื่องของทุเรียน มีปัญหาเดียวที่เรายังเป็นห่วงนั่นก็คือเรื่องของการตัดทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาด แต่ในเรื่องของผลผลิตไม่เป็นปัญหา เพราะปัจจุบันผลผลิตที่ได้ถือว่าไม่เพียงพอที่จะป้อนเข้าสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศและยังได้ทำการซื้อขายล่วงหน้าจนหมดแล้ว แต่เรากำลังห่วงผลผลิตเงาะ ที่คาดว่าในปีนี้จะล้นตลาดเพราะผลผลิตเกือบทั้งหมดจะออกมาในช่วงเดียวกัน จังหวัดจึงหามาตรการในการกำหนดราคาขั้นต่ำเพื่อที่จะเข้าไปแทรกแซงราคาให้ชาวสวนอยู่ได้ โดยจะให้ท้องถิ่นเข้ามาดำเนินการเพื่อดูแลกันเอง ” นายพูลศักดิ์ กล่าว