สุโขทัย - คนเลี้ยงวัวกงไกรลาศ รับหมดทางรับมือภัยแล้ง ต้องทนรับสภาพเต็มที่ ไม่กล้าแจ้งความเดือดร้อนให้ทางการรู้ หลังเคยกับตัวเองเมื่อปีก่อน เมื่อแจ้งขอความช่วยเหลือไป พอถึงสิ้นปีกลับมีจดหมายเรียกเก็บภาษีวัว เกือบ 1 พันบาท
นางแก้ว อายุ 55 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวรายหนึ่ง อ.กงไกรลาศ บอกว่า ขณะนี้คนเลี้ยงวัวได้รับความเดือดร้อนเรื่องภัยแล้งมากก็จริงในขณะนี้ แต่คงไม่มีใครกล้าไปแจ้งหน่วยงานรัฐ เพื่อขอความช่วยเหลือใดๆ เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา หลายคนเคยลงชื่อแจ้งขอความช่วยเหลือไป ก็ได้ฟางมาให้วัวกิน แต่ปรากฏว่าพอถึงสิ้นปี กลับมีจดหมายจากสรรพากรกงไกรลาศ มาเรียกเก็บภาษี จำนวนเกือบ 1,000 บาท ซึ่งคาดว่าเจ้าหน้าที่คงจะได้รายชื่อ จากคนที่ไปลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือครั้งนั้น
นายเนียม อายุ 58 ปี อดีตทหารผ่านศึกที่ปัจจุบันยึดอาชีพเลี้ยงวัว บอกว่า ตนเองกู้เงินจากกองทุนสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จำนวน 40,000 บาท เพื่อนำมาซื้อวัวไว้เลี้ยง เพราะไม่มีที่นาทำกิน พอเงินในครอบครัวหมดก็จะขายวัว ได้ตัวละ 5,000 บาท เงินที่ได้ก็จะนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ซื้อข้าวสาร และอื่นๆ ซึ่งความจริงก็ไม่พอใช้จ่ายอยู่แล้ว
นายสว่าง บอกว่า การเรียกเก็บภาษีรายได้จากคนเลี้ยงวัว ถือเป็นการขูดเลือดกับปู สำหรับคนรวยเงินแค่ไม่ถึง 1 พันบาทเพื่อจ่ายภาษี อาจดูเล็กน้อย แต่สำหรับคนจน ยามที่มันไม่มี ก็คือไม่มีจริงๆ ส่วนที่ตนและครอบครัวมีรายได้ทุกเดือน ก็มาจากการเก็บขี้วัวขาย ได้ประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีคนมารับซื้อถึงที่บ้าน
นายสว่าง อายุ 62 ปี เกษตรกร ต.ไกรกลาง บอกว่า ตนเองมีเลี้ยงทั้งหมด 12 ตัว พอถึงช่วงทำนาก็จะขายวัวเพื่อนำเงินมาซื้อน้ำมันดีเซล ปุ๋ย และยา ไม่ใช่เลี้ยงเพื่อการค้า การเรียกเก็บภาษีคนเลี้ยงวัวแบบนี้ เป็นการซ้ำเติมเกษตรกร เราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายให้สรรพากร เพราะตลอดปีก็เจอปัญหารุมหลายด้าน ทั้งต้นทุนทำนาที่สูงมาก และปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง เพลี้ยกระโดด ราคาข้าวตกต่ำ แถมราคาวัวก็ถูกมากอีกด้วย