อุดรธานี- งามหน้าเมืองอุดรอีก! คราวนี้ชาวบ้านสุดทน ร้องสื่อถูกกำนันยิงหลังทะลุ ตำรวจสั่งฟ้อง แต่เรื่องถึงอำเภอกลับสั่งไม่ฟ้อง อ้างผู้ต้องหาที่เป็นกำนันถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง
เมื่อบ่ายวานนี้ (4 มี.ค.) นายคมฤทธิ์ หรือหวาน อรวงษ์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 2 บ้านแวง ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมภรรยา ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว กรณีถูกนายประเวศ ผิวดำ กำนัน ต.หมูม่น อ.เมืองอุดรธานี ใช้อาวุธยิงปืนยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องกำนันในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
แต่ทางอำเภอเมืองอุดรธานีกลับลงความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เกรงว่าคดีจะเป็นมวยล้มเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายปกครอง จึงเข้ามาพบผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการ จ.อุดรธานี
นายคมฤทธิ์เล่าว่า ตนทำงานเป็นช่างอลูมิเนียมแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 24 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆ ประมาณ 20 คนได้พากันไปเที่ยวงานบุญกฐินที่วัดบ้านหมูม่น ซึ่งอยู่ติดกับบ้านแวงที่พวกตนพักอาศัยอยู่ เจอกับวัยรุ่นเจ้าถิ่น กำนันซึ่งอยู่ในงานได้บอกให้พวกตนกลับบ้านไปเพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน เพราะบ้านหมูม่นกับบ้านแวง ต่างไม่ค่อยลงลอยกันนัก ระหว่างที่พวกตนกำลังจะพากันกลับ
กลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นได้ปาขวดและสิ่งของเข้ามาใส่กลุ่มพวกตน จึงได้ตอบโต้กลับคืนไป ระหว่างที่ตนกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อขี่ออกมา ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เพื่อนบอกว่ากำนันได้ยิงปืนขึ้นฟ้า
จากนั้นมีเสียงปืนดังตามหลังมาอีก 4-5 นัด แล้วตนรู้สึกเจ็บที่หลัง เมื่อคลำดูจึงรู้ว่าถูกยิง จึงบอกเพื่อนๆ ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ก่อนที่จะให้ญาติมาแจ้งความเป็นไว้หลักฐาน ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หมอได้ผ่าตัดเอาลำไส้ของตนออกไปเพราะกระสุนทะลุตัดลำไส้ขาดบางส่วน ต้องนอนรักษาตัวอยู่นานถึง 8 วัน
หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็มาพักฟื้นที่บ้านอีกกว่า 4 เดือน งานก็ไม่ได้ทำเพราะเจ็บแผล พอมาสอบถามความคืบหน้าของคดีกับพนักงานสอบสวนเจ้าของเรื่อง ทราบว่ามีความเห็นสั่งฟ้องกำนันในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ตอนนี้เรื่องอยู่ที่อำเภอเพราะทางอำเภอขอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้เองโดยมีฝ่ายปกครองร่วมสอบสวนด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีหนังสือจากทางอำเภอลงความเห็นสั่งไม่ฟ้องกำนัน ตนไม่รู้จะทำยังไงดีเพราะคิดว่าไม่ได้ความเป็นธรรมในคดีนี้จึงมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.เชี่ยวชาญ มีชัย พนักงานสอบสวน สบ.3 สภ.อุดรธานี ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งเหตุได้ออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บริเวณหน้าวัดบ้านหมูม่น ได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก ทั้งพนักงานวิทยุที่รับแจ้งเหตุเบื้องต้นยืนยันได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันจริง เวลา 02.22 น.วันที่ 24 ตุลาคม 2552 หน่วยกู้ชีพของโรงพยาบาลศูนย์ฯ ก็แจ้งว่าออกไปรับคนบาดเจ็บจากการถูกยิง แต่ระหว่างทางผู้ได้รับบาดเจ็บมาถึงโรงพยาบาลก่อน และพยานที่เห็นเหตุการณ์หลายปาก
นอกจากนั้นยังพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงอีก 1 ราย คือ นายพิศพงษ์ หรือเบิร์ด ดำเวียงคำ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 2 บ้านแวง ต.หมู่ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่แขนด้านซ้าย 1 นัด
จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐาน และตั้งข้อกล่าวหานายประเวศ ผิวดำ กำนัน ต.หมูม่น ในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ซึ่งทางกำนันได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า วันที่เกิดเหตุมีงานบุญกฐินที่วัดบ้านหมูม่น จึงไปร่วมงานในฐานะประธานจัดงาน และไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในฐานะกำนัน โดยมีผู้ช่วยเหลือไปด้วยประมาณ 25 คน
ระหว่างที่อยู่ภายในงานไม่ได้รับแจ้งเหตุร้ายแต่อย่างใด คาดว่าจะถูกปรักปรำใน 2 ประเด็นคือ 1.เรื่องการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากลูกเขยลงสมัครและมีคะแนนดีกว่าคู่แข่งจึงถูกกลั่นแกล้งเพื่อลดความนิยม และ 2.เรื่องการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นบ้านแวงส่งโรงพักเป็นประจำ ทำให้กลุ่มวัยรุ่นบ้านแวงไม่พอใจในการทำงานของตนเอง
พ.ต.ท.เชี่ยวชาญ กล่าวอีกว่า หลังจากที่นายประเวศมาให้ปากคำเสร็จก็มีหนังสือจากทางอำเภอเมืองอุดรธานี แจ้งมานายประเวศไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน สภ.อุดรธานี จึงขอเข้ามาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และให้ฝ่ายปกครองมาเป็นพนักงานสอบสวนร่วมด้วย
โดยแต่งตั้งนายทรงพล ประดิษฐ์ด้วง ปลัดอำเภอ และนายสุบรรณ เชื้ออุ่น ปลัดอำเภอ เป็นพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองเข้าร่วมการสอบสวน และเข้าควบคุมการสอบสวนคดีอาญาดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา พ.ส.2523 ข้อ 12.5
เมื่อนายอำเภอเข้าควบคุมคดีตามข้อบังคับดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่านายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรคท้าย และพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 140 มีอำนาจเกี่ยวกับการสอบสวนความผิดอาญาในเขตอำนาจของอำเภอ พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองได้สอบสวนพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้น วันที่ 13 มกราคม 2553 ที่ประชุมได้สรุปมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา
เพราะประจักษ์พยานที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาหลายปากให้การตรงกันจนเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ไม่มีมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด และพบมูลเหตุปรักปรำผู้ต้องหา อำเภอเมืองอุดรธานีได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 5219/2552 ให้อัยการ จ.อุดรธานีแล้ว ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ