หนองคาย-เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและลาวร่วมกันวัดระดับน้ำโขง สำรวจความเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำ เพื่อนำไปวิเคราะห์วางแผนการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงร่วมกัน พร้อมเผยปีนี้ระดับน้ำโขงอาจต่ำสุดในรอบ 50 ปี
วันนี้( 27 ก.พ.) นายสังเวียน อังคุนันท์ พนักงานวัดระดับน้ำ ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกับนายวิเชียร วงษ์สุวรรณ นักวิชาการสำรวจวัดระดับน้ำ กรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์ องค์การทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว และคณะ ได้ร่วมกันสำรวจวัดระดับน้ำโขง โดยนำเครื่องวัดปริมาณน้ำอัตโนมัติ หรือ ADCT และเครื่องวัดความเร็วกระแสน้ำ หรือเคอร์เร็นมิเตอร์ เป็นเครื่องมือสำหรับตรวจวัดระดับน้ำโขง ปริมาตรของน้ำ ความเร็วของกระแสน้ำที่ไหลในระยะเวลาที่กำหนด และเก็บตัวอย่างน้ำส่งตรวจหาปริมาณตะกอนน้ำโขงที่ศูนย์อุทกวิทยา จ.ขอนแก่น
ครั้งนี้พบว่าร่องน้ำลึก ปริมาณน้ำโขงอยู่ที่ระดับ 4.60 เมตร แต่เป็นระดับที่สามารถเปลี่ยนได้ทุกสัปดาห์ เนื่องจากกระแสน้ำพัดพาทรายในแม่น้ำโขงเรื่อย ๆ และทำให้ร่องน้ำลึกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สำหรับข้อมูลที่ได้จากการสำรวจทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกรมทรัพยากรน้ำ และองค์การทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงพิจารณาจัดสรรวางแผนการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขง และส่งต่อให้กับหน่วยงานข้างเคียงที่ประสงค์จะได้ข้อมูลปริมาณน้ำเพื่อใช้ในการบริหารจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
การวัดระดับน้ำโขงนี้เจ้าหน้าที่ของไทยและลาวจะร่วมกันออกตรวจวัดระดับเป็นรอบแผนปฏิบัติงาน 45-48 ครั้งต่อปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากและฤดูน้ำลดจะต้องเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดระดับน้ำ ซึ่งไม่เฉพาะแม่น้ำโขงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ ทั้งแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขา ที่จะต้องสำรวจในลักษณะดังกล่าว
นายสังเวียน อังคุนันท์ พนักงานวัดระดับน้ำส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กล่าวว่า ปริมาณน้ำโขงในปีนี้ลดระดับลงเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติพบว่าช่วงเดือนเมษายน 2538 น้ำโขงมีปริมาณต่ำที่สุด 0.33 เมตร ส่วนปีนี้โอกาสที่น้ำโขงจะต่ำกว่า 0.33 เมตรมีสูง โดยขณะนี้ระดับน้ำโขงวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดได้ 0.44 เมตร และคงที่ตลอดทั้งสัปดาห์ คาดว่ากลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะลดลงถึงจุดต่ำสุดและอาจต่ำสุดในรอบ 50 ปี
ด้านนายวิเชียร วงษ์สุวรรณ นักวิชาการสำรวจวัดระดับน้ำ กรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์ องค์การทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว กล่าวว่า ปริมาณน้ำโขงที่ลดต่ำลงอาจสืบเนื่องจากการที่ประเทศจีนปิดเขื่อนกักน้ำ
ในส่วนของประเทศลาว ประชาชนยังสามารถใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงทั้งการเกษตรและอุปโภคบริโภคได้ คาดว่าน้ำโขงจะมีใช้เพียงพอถึงฤดูฝน แต่หากว่าเกิดภัยแล้งรุนแรงฉับพลัน รัฐบาลลาวก็ได้เตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนไว้แล้ว