ผู้ว่าฯตากสั่ง ปภ.เร่งช่วยชาวบ้านแม่ตื่น-เหยื่อนน้ำท่วม

ตาก- ผู้ว่าฯตากสั่ง ปภ.ตาก เร่งช่วยเหลือราษฎรตำบลแม่ตื่น ที่ถูกตัดขาด โลกภายนอกอย่างเร่งด่วนแล้ว

วันนี้(5 ต.ค.)นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาภัยจังหวัดตาก-สำนักงานเกษตรจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปช่วยเหลือราษฎร 11 หมู่บ้าน เขตตำบลแม่ตื่น อ.แม่ระมาด จ.ตาก หลังกระแสน้ำจากลำห้วยแม่ตื่น พัดสะพานขาด ทำให้ไม่สามารถสัญจรเดินทางผ่านไป-มา ได้

ก่อนหน้านี้พันเอกผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 นำ ฮ.จากชุดกองบินปีกหมุนที่ 2 ขึ้นบินตรวจสภาพพื้นที่จำนวน 11 หมู่บ้าน ในเขตพื้นที่ ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก หลังจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่และเกิดน้ำป่าไหลหลากทำให้ลำห้วยแม่ตื่นหลากนองและพัดสะพานขาด ไปเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา

จากการตรวจพื้นที่ทางอากาศพบว่า มีน้ำป่าไหลหลากจากลำห้วยหลายสายและไหลลงสู่ลำห้วยแม่ตื่นทำให้มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีกระแสเชี่ยวกราก ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรจำนวน 11 หมู่บ้านที่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ริมลำห้วยมีพื้นที่การการเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนประมาณ 100 ไร่ และมีเศษขยะ ซึ่งส่วนมากเป็นกิ่งไม้ ต้นไม้ที่ไหลไปกับกระแสน้ำไปติดเสาสะพานข้ามแม่น้ำแม่ตื่น และปิดกั้นทางเดินของกระแสน้ำทำให้กระแสน้ำไหลเอ่อและพัดตัวสะพานที่มีความยาวประมาณ 120 เมตร เกิดการพังเสียหายไปประมาณ 30 เมตร ซึ่งนักบินได้ทำการบินวนอยู่หลายรอบ และหาที่ลงจอดในที่ปลอดภัยบริเวณสนามกีฬา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแพะ ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาดจังหวัดตาก

นายสุรพล วาจารักษา กำนันตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก กล่าวว่า ตนเองพร้อมลูกบ้านจำนวนกว่า 3,000 คนจาก 11 หมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วยหมู่บ้านห้วยสินา ห้วยพลู คำหวัน ปูเก่ ห้วยหมาบ้า ห้วยผาดำ ห้วยวัว บ้านแพะ ห้วยน้ำเย็น ห้วยมะพร้าวและบ้านทีนามู ขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้ เหมือนถูกปล่อยให้อยู่บนเกาะอย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากสะพานขาด และกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากทำให้ไม่สามารถใช้เรือหางยาวขนาดเล็กที่มีอยู่ในหมู่บ้านได้ และขณะนี้อาหารการกินต่างๆเริ่มใกล้จะหมดลง ซึ่งได้แต่รอคอยการช่วยเหลือจากฝ่ายปกครองและส่วนราชการต่างๆในพื้นที่อำเภอแม่ระมาด ซึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้

ส่วนความเสียหายจากการสำรวจในเบื้องต้นพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 11 หมู่บ้านที่ปลูกสร้างอยู่ริมลำห้วยได้รับความเสียหายจำนวน 4 หลังคาเรือน เรือหางยาวที่จอดอยู่ถูกกระแสน้ำพัดสูญหายไปจำนวน 5 ลำ ควายของชาวบ้านถูกกระแสน้ำพัดหายไปจำนวน 1 ตัวและพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายจำนวนประมาณ 100 ไร่ ซึ่งนับว่าโชคดีที่ไม่มีราษฎรบาดเจ็บและเสียชีวิตซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยราชการใดๆ ตนเองได้แต่ขอวิงวอนให้เร่งเข้ามาให้การช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยโดยด่วน

รายงานข่าวแจ้งว่าสะพานที่ข้ามลำห้วยแม่ตื่นเป็นสะพานที่เพิ่งสร้างใหม่ได้ประมาณ 6 เดือนแทนสะพานเก่าซึ่งถูกกระแสน้ำพัดขาดไปเมื่อปี 51 ที่ผ่านมา และการสร้างสะพานใหม่ในปี 52 ใช้เงินงบประมาณเงินพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จำนวนเงิน 13 ล้านบาท