เชียงราย – ทีบีซี ไทย-พม่า ตั้งโต๊ะหารือแผนปราบยาเสพติด หลังเกิดเหตุปะทะหนักกลางน้ำโขง จนทหาร-ปปส.พม่า ตาย-สูญหายเพียบ พร้อมพ่วงวิกฤตหมอกควันฤดูแล้ง ตกลงเดินหน้าห้ามเผาทุกชนิด
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า คณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-พม่า ระดับท้องถิ่นหรือทีบีซี.ทั้งฝ่ายไทยและพม่า ได้จัดการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 63 ขึ้น ณ ห้องประชุมโรงแรมเรจินา แอนด์ กอล์ฟคลับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า เมื่อ 22 ก.พ.53 โดยฝ่ายไทยมี พ.อ.จิรเดช กมลเพชร ผบ.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง เป็นประธานทีบีซี.ฝ่ายไทย ส่วนฝ่ายพม่ามี พ.ท.เมี๊ยต จู่โซ ผบ.กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 359 เป็นประธาน ซึ่งบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดยมีการหารือกันในภาพรวมเกี่ยวกับปัญหาเรื่องยาเสพติดตามแนวชายแดน ปัญหาหมอกควันในฤดูแล้ง ฯลฯ
ปัญหาการแพร่ระบาดและการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการค้ายาเสพติดของทั้งสองฝั่ง ถูกหยิบยกเข้าไปหารือมากเป็นพิเศษ ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการประสานความร่วมมือกันอย่างเร่งด่วน เพื่อเร่งกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดให้หมดไปโดยเร็ว
ส่วนปัญหาหมอกควันทางพม่าและไทย จะทำการดำเนินแผนประกาศห้ามเผาทุกชนิดในฤดูแล้งนี้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาภัยแล้ง ซึ่งจะมีการพิจารณาเพื่อร่วมกันขุดลอกและสร้างฝายในแม่น้ำสาย แก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งต่อไปด้วย
ทั้งนี้การหารือเกี่ยวกับการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าว มีขึ้นภายหลังเกิดการปะทะกันขึ้นอย่างรุนแรง ระหว่างกองกำลังทหารพม่าที่ลาดตระเวนอยู่ลุ่มแม่น้ำโขง ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำไปทางทิศเหนือ กับขบวนการค้ายาเสพติด จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพม่าถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายซุ่มยิงจนเสียชีวิตไปกว่า 6 นาย ได้รับบาดเจ็บ 1 นายและสูญหายถึง 8 นาย โดยกลุ่มที่คาดว่าลงมือคือกลุ่มค้ายาเสพติดของนายหน่อคำ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ลุ่มแม่น้ำโขงเขตดังกล่าวมานาน
ด้านนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า ด้านปัญหาหมอกควันซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของไทย-พม่า-สปป.ลาว นั้นตนได้ทำหนังสือถึงทั้ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่าและแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งอยู่ติดกันให้ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผาป่าหรือหญ้าฟางเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหมอกควันแล้ว
ในส่วนของประเทศไทยได้แบ่งปัญหาออกเป็น 2 ส่วนคือ บนภูเขา หากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเผาป่าจะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด และอีกส่วนคือปัญหาพื้นราบ ซึ่งตนรู้สึกหนักใจมากกว่า เพราะเกิดจากการเผาไร่นาโดยเฉพาะฟางข้าว ซึ่งเราไม่อาจทราบได้ว่าใครเผา และควบคุมได้ยากเพราะพื้นที่กระจายกว้าง
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจึงได้มีการจัดตั้งอาสาสมัครเฝ้าระวังทั่วจังหวัดจำนวน 54 คน ให้ประจำอำเภอละประมาณ 8 คน โดยเน้นไปยังอำเภอสำคัญและพบปัญหาบ่อยเพื่อให้ช่วยติดตามและแจ้งข่าวสารให้กับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีการเผาหญ้าฟาง
ขณะนี้ปริมาณฝุ่นควันในอากาศพื้นที่เชียงราย มีค่าเฉลี่ยของฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนประมาณ 100 ไมโครกรัม หากจะทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพจริงๆ ก็ต้องเกิน 120 ไมโครกรัมขึ้นไป