เชียงราย – ผู้ว่าฯเมืองพ่อขุนฯ นำทีมตัวแทนรัฐเอกชน เปิดห้องหารือตัวแทนจากท่าขี้เหล็ก ดึงร่วมมือ 5 เรื่องใหญ่ ทั้งเรื่องการค้า ลงทุน ยาเสพติด หมอกควัน คนเข้าเมือง สุดท้ายได้คำตอบเพียงต้องแจ้ง รบ.กลางก่อน ยกเว้นวิกฤตหมอกควัน ยันพม่าสั่งคนห้ามเผาหลัง 17.00 น.แล้ว
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้(16 ก.พ.) ได้มีการประชุมร่วมระหว่างตัวแทนรัฐ-เอกชนของเชียงราย กับท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.เชียงราย วันนี้ (16 ก.พ.53) ซึ่งมีนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นหัวหน้าฝ่ายไทย และนายจ่อ สวาทู ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก เป็นหัวหน้าฝ่ายพม่า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเมืองและปรึกษาหารือใน 5 เรื่องใหญ่ๆ คือการค้าการลงทุนร่วมกัน- ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน -ปัญหาหมอกควันในฤดูแล้ง สาธารณสุข และปัญหาการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งมีตัวแทนภาคธุรกิจ-หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วม
ด้านการค้าการลงทุนนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย แจ้งว่า มูลค่าการค้าไทย-พม่า ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ขยายตัวมากขึ้นทุกปีแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโลกและประเทศไทยจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้รับกระทบ ดังนั้นในอนาคตก็มีโอกาสขยายตัวได้อีกมากโดยเฉพาะอีก 1-2 ปีข้างหน้า ที่มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะฟื้นขึ้นมา
ด้านนายเจริญชัย แย้มแขไข ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากไปตั้งอยู่ตามตะเข็บชายแดนฝั่งไทยโดยเฉพาะ อ.แม่สาย และใช้แรงงานจากท่าขี้เหล็ก แต่ยังไม่ถึงขั้นมีการข้ามไปสร้างโรงงานในพม่า แต่เชื่อว่าในอนาคตอาจมีการขยายโรงงานเข้าไปยังฝั่งพม่าได้เช่นกัน
ที่ประชุม ยังหยิบยกตัวเลขการค้าชายแดนไทย-พม่า ระบุว่า มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นโดยตลอด โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปยังท่าขี้เหล็กส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนสินค้านำเข้ามักจะเป็นสินค้าทางการเกษตร ซึ่งในอนาคตสินค้าทุกชนิดก็จะมีอัตราภาษีลดเป็น 0% ตามกรอบความร่วมมือของอาฟต้า ซึ่งจะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนต่อไป
เมื่อถึงช่วงนั้นมูลค่าการค้าก็จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก หลังจากปี 2552 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้ารวม 3,615 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 182.3 ล้านบาท และส่งออก 3,432.9 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 33.31%
ด้านยาเสพติด ซึ่งฝ่ายทหารและตำรวจของไทย ระบุว่า ยังคงมีปัญหาการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย จึงขอให้ฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ร่วมเข้มงวดกวดขันและประสานด้านการข่าว รวมไปถึงเข้าใจถึงบทบาทของทหารไทยตามแนวชายแดน คือหน่วย ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ว่าเป็นเพียงผู้ช่วยพนักงานสอบสวนกรณีมีการจับกุมบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด พร้อมขอให้พม่าช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีข้ามไปพม่าด้วย
นายจ่อ สวาทู ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ระบุว่าในปัจจุบันทางการท่าขี้เหล็กก็มีการตรวจเข้มตามด่านพรมแดนเพื่อป้องกันยาเสพติดเช่นกัน
สำหรับกรณีปัญหาเรื่องหมอกควันในฤดูแล้ง นายจ่อ สวาทู ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก แจ้งต่อที่ประชุมว่า ปีนี้ทางการท่าขี้เหล็กได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาก่อนฤดูแล้งเสียอีก เพราะที่ผ่านมาหมอกควันส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน ที่สนามบิน จ.ท่าขี้เหล็ก โดยได้มีหนังสือคำสั่งแจ้งไม่ให้ชาวบ้านเผาป่าทุกชนิด หลังเวลา 17.00 น.
ขณะที่ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย แจ้งว่าเชียงรายก็มีการดำเนินการแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกเป็นการรณรงค์ไม่ให้ประชาชนเผาหญ้าฟางและป่า ส่วนระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.-30 มี.ค.นี้ห้ามไม่ให้เผาไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงท้ายเป็นการหารือเกี่ยวกับด้านสาธารณสุข ซึ่งนายแพทย์พิษณุ ขันติพงษ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ระบุว่าที่ผ่านมามีโครงการร่วมมือไทย-พม่า หลายโครงการ ส่วนใหญ่เป็นการฝึกอบรมแพทย์และพยาบาลโดยเฉพาะจากเมืองเนย์ปิดอว์ของพม่า โดยทีมแพทย์ของเชียงรายและประเทศญี่ปุ่นให้การสนับสนุน อย่างไรก็ตามมีปัญหาเรื่องการประสานงาน เพราะทุกครั้งต้องประสานงานผ่านรัฐบาลกลางก่อน เช่น เจ้าหน้าที่ของพม่าฝั่งตรงกันข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย หากจะเดินทางมาอบรมที่เชียงรายต้องเดินทางไปยังเมืองย่างกุ้งและนั่งเครื่องบินไปยังสนามบินสุวรรณภูมิของไทยก่อนมาเชียงราย เป็นต้น ทำให้ล่าช้าและสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมาก
ทางฝ่ายบริหาร จ.ท่าขี้เหล็ก ยืนยันว่าการดำเนินการใดๆ ของพม่าจำเป็นต้องผ่านรัฐบาลกลางก่อน
นายสุเมธ จึงเสนอให้ทางการท่าขี้เหล็กขออนุมัติในหลักการไปยังรัฐบาลกลางของพม่าก่อน หากมีกิจกรรมย่อยอื่นๆ เช่น กรณีต้องผ่าตัดฉุกเฉิน และต้องรับการช่วยเหลือจากทีมแพทย์ จ.เชียงราย และอื่นๆ เกี่ยวกับสาธารณสุขก็จะได้ขออนุญาตเพื่อดำเนินการได้ทันท่วงทีต่อไป