นักธรณีวิทยาเร่งสำรวจแหล่งพบแผ่นดินยุบที่กาญจน์ - พบใต้ดินเป็นโพรงหินปูน

กาญจนบุรี - นักธรณีวิทยา ม.มหิดล เร่งสำรวจแหล่งพบแผ่นดินยุบที่เมืองกาญจนบุรี ด้วยเครื่อง GPR. พบใต้ดินเป็นโพรงหินปูน เตือนชาวบ้านขุดบ่อบาดาลให้ห่างจากตัวบ้าน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (22 ก.พ.53) ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ ม.มหิดล จ.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้นำเครื่องมือตรวจวัดใต้ดินด้วยเรด้า หรือ Ground Penetration Radar ( GPR ) เข้าตรวจวัดที่บ้านของนาย พลอย พันธุ์แก้ว อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 6 ต.วับงเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวได้เกิดเหตุแผ่นดินยุบมีความยาวประมาณ 60-70 เมตร ลึก 1.50 เมตร เหตุเกิดเมื่อเวลา 05.00 น.ของวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งชาวบ้านหมู่ 6 ต่างหวาดผวาไปตามๆกัน โดยในครั้งนี้มี นายบุญญะพัฒน์ จันทรอุไร นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายเทพฤทธิ์ ขุนแสน ส.อบจ.เมืองกาญจบุรี และนายรุ่ง คมขำ นายก อบต.วังเย็น และนางวิภา สงวนพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 เข้าร่วมสังเกตุการณ์ในครั้งนี้มา

ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ ม.มหิดล จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการประสานจากนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้ลงมาตรวจสอบพื้นที่เกิดแผ่นดินทรุดตัวเมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้มาสำรวจดูว่าเบื้องต้นสาเหตุนั้นมาจากอะไรกันแน่ หลังจากได้สำหรวจและนำไปวิเคราะห์แล้ว

ดังนั้น วันนี้จึงได้นำเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยนำเครื่องมือตรวจวัดใต้ดินด้วยเรด้า หรือ Ground Penetration Radar ( GPR ) ซึ่งเป็นวิธีการทดสอบทางด้านวิศวกรรมธรณีฟิสิกส์โดยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง ( Electromagnetic Waves,EM ) ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่าง 10 ถึง 3,000 MHz ในการตรวจสอบภาพใต้พื้นดินในระดับตื้นซึ่งให้ผลลัพธ์ที่มีความละเอียดสูง โดยเครื่อง GPR จะส่งสัญญาณผ่านสายอากาศ ( Transmitter,Tx ) สู่พื้นดิน ซึ่งหลังจากนั้นสัญญาณดังกล่าวจะถูกสะท้อนกลับโดยวัสดุต่างๆ ที่อยู่ใต้ดิน กลับสู่ตัวรับสัญญาณ ( Receiv, Rx ) แล้วบันทึกไปเก็บไว้ในตัวเครื่อง GPR ซึ่งความคมชัดของสัญญาณที่สะท้อนกลับ จะขึ้นอยู่กับค่าของความแตกต่างของค่าคงที่ Dielectric และค่าความเหนี่ยวนำไฟฟ้า ที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะของวัสดุแต่ละชนิดรวมทั้งหินและดินด้วย

ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดแผ่นดินทรุดที่บ้านของนายพลอย ในครั้งนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องมือตรวจวัดใต้ดินด้วยเรด้า Ground Penetration Radar ( GPR ) แต่ยังไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูลไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้ แต่จะรูผลภายใน 1 อาทิตย์

ในเบื้องต้นนั้นได้สรุปสาเหตุไว้ 2 ประเด็น คือ 1.มีการสูบน้ำด้วยมอเตอร์ในบ่อบาดาลเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่นั้นมีอาชีพเกษตรกร ทำไร่อ้อย ไร่มัน และข้าวโพด จำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อการเกษตร ประกอบกับเมื่อเร็วๆนี้ บ่อบาดาลที่อยู่หลังบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร ซึ่งมีความลึกถึง 25 เมตร เกิดท่ออุดตัน ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ตามปกติได้

จากนั้นได้พยายามเปลี่ยนท่อใหม่จากนั้นได้ทดลองสูบน้ำด้วยมอเตอร์ และชาวบ้านได้สูบน้ำออกมาเป็นปริมาณกว่า 30,000 ลิต ซึ่งถือว่ามีปริมาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงทำให้ปริมาณน้ำที่อยู่ใต้ดินเหลือน้อยและเกิดแห้งขึ้นมา ต่อมาช่วงกลางคืนของวันที่ 20 ก.พ.ได้เกิดมีฝนตกลงมาอย่างหนักนานกว่า 3 ชั่งโมงทำให้น้ำฝนซึมลงไปใต้ดินอย่างรวดเร็วทำให้โพรงน้ำใต้ดินเกิดยุบตัวลงมาอย่างที่เห็น

และประเด็นที่ 2 นั้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นโพรงหินปูน ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อมีปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาไหลซึมลงไป ประกอบกับมีรถบรรทุกอ้อยวิ่งผ่านเข้าออกเป็นจำนวนมากทำให้โพรงหินปูนเกิดทรุดตัวลง

แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นเราให้น้ำหนักหรือสาเหตุการเกิดแผ่นดินทรุดครั้งนี้เกี่ยวกับการสูบน้ำจากบาดาลมากกว่า ซึ่งอยากฝากเตือนประชาชนที่กำลังจะขุดบ่อบาดาลกรุณาขุดให้ห่างจากตัวบ้านอย่างน้อยต้อง 20-30 เมตรขึ้นไป เนื่องบริเวณพื้นดินใต้ตัวบ้านอาจจะมีโพรงหินปูนก็เป็นได้

ด้านนางวิภา สงวนพันธ์ ผญบ.หมู่ 6 เปิดเผยว่า ชาวบ้านหมู่ 6 มีทั้งหมด 130 ครัวเรือน มีประชากร กว่า 600 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะขุดบ่อบาดาลเอาไว้ใช้เองโดยมีทั้งสิ้นจำนวน 30 บ่อ และบ่อบาดาลสาธารณะอีก 5 แห่ง หลังจากเกิดแผ่นดินทรุดตัวตนก็ได้ประชาสัมพันธุ์เสียงตามสายให้ชาวบ้านได้รับทราบแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่เกิดแผ่นดินทรุดที่บ้านของนายพลอยนั้น ยังมีแผ่นดินทรุดที่บริเวณบ้านของนายมานะ เครืออยู่ อายุ 30 ปี ยาวประมาณ 3 เมตร แต่นายมานะก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด