แพร่ – ยังแก้ไม่ตก วิกฤตหมอกควันเมืองแพร่ เริ่มส่อเค้ารุนแรง หลังทั้งชาวบ้าน ยันเจ้าหน้าที่รัฐ ยังเผาป่า-วัชพืชไม่หยุด ผู้ว่าฯรับเคยกำชับเต็มที่แล้ว พร้อมขู่หลัง 23 ก.พ.53 หากยังมีเผาให้จับหมดไม่ว่า จนท.หรือชาวบ้าน
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า ขณะที่หลายจังหวัดในภาคเหนือเร่งรณรงค์ลดเลิกการเผาทุกชนิด แต่ที่จังหวัดแพร่ การเผาเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ชาวบ้านยังคงไม่เข้าใจการรณรงค์ลดปัญหาโลกร้อนและเห็นว่าอยู่ไกลตัว ยังใช้ความเคยชินเผาป่ากันอย่างต่อเนื่องทุกปีไม่เปลี่ยนแปลง และปีนี้การเผาป่าได้เริ่มขึ้นแล้วในทุกอำเภอ ในขณะที่สวนป่าของทางราชการและหน่วยงานรับผิดชอบแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ก็ยังใช้วิธีการเผาป่าและวัชพืช เพื่อการทำความสะอาดสวนป่า และรอบๆ สำนักงาน
เช่น ที่สวนป่าบ้านดงสุระ อ.เด่นชัย ยังคงถูกไฟป่าเผาผลาญด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือพนักงานดูแลสวนป่า ซึ่งทำให้จุลินทรีย์ในดินและสัตว์ขนาดเล็กต้องสูญเสียไป จนเกิดปัญหากับพื้นดินในอนาคตได้ ในขณะที่ผู้เผาป่ายังคิดเรื่องทำความสะอาด และเชื่อว่าการเผาป่าจะทำให้ต้นสักมีการเจริญเติบโตดี แนวคิดเหล่านี้ไม่แตกต่างจากชาวบ้านที่เชื่อว่า หากต้องการให้การปลูกถั่วเหลืองงอกงาม ต้องเผาฟางข้าวในนา
ปัญหาดังกล่าวนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จังหวัดฯไม่ได้นิ่งนอนใจได้กำชับอยู่เสมอ แม้ในรายการวิทยุผู้ว่าฯพบประชาชน และการประชุมประจำเดือนผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน ได้กำชับให้ช่วยกันระงับการเผาป่า เพื่อแก้ปัญหามลภาวะในอากาศร่วมกัน แต่เท่าที่เห็นยังไม่สามารถควบคุมได้ แม้ล่าสุดได้ขอกันว่าให้งดการเผาทั้งหมด เพื่อรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเสด็จเยือนเมืองแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ก็ตาม
ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ บอกว่า ปัญหาดังกล่าวคงต้องเร่งดำเนินการ เพราะจังหวัดแพร่ มีนโยบายในการจะทำให้เป็นเมืองแห่งธรรมชาติบำบัด ซึ่งถ้ายังฝ่าฝืนจะมีการดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อไป หลังวันที่ 23 กุมภาพันธ์เป็นต้นไปจะแจ้งให้สำนักอนุรักษ์ที่ 13 เร่งดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดการกับกลุ่มที่ลับลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งขอความร่วมมือแล้วไม่ฟังก็ต้องใช้กฎหมายเข้าจัดการ ส่วนข้าราชการที่ทำการเผาป่าเสียเอง จะให้ต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบสวน ถ้าพบว่า มีการเผาก็ถือว่ามีความผิด ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเผาป่าในพื้นที่จังหวัดแพร่ มักจะทวีความรุนแรงมากขึ้นไปจนถึงเดือนมีนาคม และเมษายน และในปีที่ผ่านมาแพร่ติดอันดับหมอกควันที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน มีผู้ป่วยทางเดินหายใจต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมากและยังสร้างปัญหาให้กับบ้านเรือน ด้านฝุ่นละอองรุนแรงด้วย