พิษณุโลก – ธุรกิจการเงินกู้สองแควเบ่งบาน “เอส เอ็น เอ็น ลิสซิ่ง” ขยายเครือข่ายเปิด 9 สาขาคลุมเหนือตอนล่าง ยันไม่ได้รับผลกระทบนโยบายขึ้นทะเบียนหนี้นอกระบบ เบนเข็มปล่อยสินเชื่อที่ดิน-บ้าน หลังลูกค้าสินเชื่อรถยนต์เพียบ 7-8 พันราย หนี้เสียแค่ 1.5%
นายยสวัจน์ รุ่งคณาวุฒิ ผู้อำนวยการบริษัท เอส เอ็น เอ็น ลิสซิ่ง จำกัด ลูกคนจีนเจ้าของลูกชิ้นปลาโกเนี้ยว ชื่อดังของนครสวรรค์ ที่เรียนรู้วงการเงินสายธุรกิจรุ่นพ่อที่นครสวรรค์ ก่อนหอบเงินสด 5 ล้านบาท มาลงทุนเปิดบริษัทลิสซิ่งในพิษณุโลก เมื่อปี 2544 เพราะประเมินดูแล้วว่า สามารถทำกำไรจากธุรกิจการเงินได้ เริ่มทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินทรัพย์ประมาณ 700-800 ล้านบาท เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจเงินกู้ระดับกลาง ไม่ใช่เงินกู้เถื่อนหรือไฟแนนซ์ระดับล่างที่ปล่อยสินเชื่อ ไม่มีหลักค้ำประกัน แล้วคอยเก็บดอกเบี้ยทุกวัน
เขาระบุว่า เอส เอ็น เอ็น ลิสซิ่ง ปล่อยเงินกู้แก่ลูกค้าที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจากสถาบันการเงินใหญ่ หรือเรียกง่ายๆว่า แบงก์ใหญ่ไม่เอา ดังนั้นจึงต้องหันมาพึ่งลิสซิ่ง เพราะเราพร้อมให้สินเชื่อรถยนต์, ที่ดิน, ปิดบัญชี, ย้ายไฟแนนซ์ฯลฯ ตามสโลแกน “เงินแสน คุณหาได้ในวันเดียว และบริการทำสัญญาถึงบ้าน”
“แน่นอนว่า อัตราดอกเบี้ยแพงกว่าธนาคารขนาดใหญ่ 2-3 % แต่นั่นคือ ความเสี่ยงของธุรกิจปล่อยสินเชื่อขนาดกลาง ซึ่งมีหลักการพิจารณาก่อนให้สินเชื่อทั่วไปเหมือนๆกัน เพราะบุคคลแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีความสามารถชำระหนี้ไม่เหมือนกัน”
เขาบอกว่า นอกจากนี้ เอส เอ็น เอ็ส ลิสซิ่ง ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาหรือให้คำแนะนำปรับโครงสร้างทางการเงินของลูกหนี้ก่อนที่จะอนุมัติปล่อยเงินกู้ จุดแข็งตรงนี้ที่แบงก์ใหญ่ไม่สามารถทำได้ ทำให้ธุรกิจการเงินขนาดกลางอยู่ได้ เดิมทีบริษัทเอส เอ็น เอ็น ปล่อยเงินกู้เฉพาะรถยนต์เท่านั้น แต่ปัจจุบันหันมาให้สินเชื่อ บ้านและที่ดิน ซึ่งยอมรับว่า สวนทางกับสถาบันการเงินที่เคยให้สินเชื่อที่ดิน แต่กลับมาปล่อยสินเชื่อรถยนต์
นายยสวัจน์ บอกว่า นับจากดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถยนต์มา 5 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ในมือ 6-7 พันรายใน 9 สาขาที่พิษณุโลก, พิจิตร, กำแพงเพชร, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, แพร่, ลำปาง, หล่มสัก(เพชรบูรณ์) สัดส่วนลูกค้ากว่า 50 % คือ คนพิษณุโลก ปัจจุบันเปิดช่องทางขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น คือ ตลาดบ้านและที่ดิน โดยจะเริ่มต้นที่การเน้นคุณภาพลูกค้ามากกว่าปริมาณ เพราะวันนี้ เอส เอ็น เอ็น ลิสซิ่ง สามารถคุมหนี้เสียหรือ NPL อยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานคือ 1.5% และตั้งเป้าการขยายตัวในภาพรวมปี 53 ที่ 20% แต่ยังไม่มีนโยบายจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินใหญ่
“นโยบายขึ้นทะเบียนหนี้นอกระบบ ผมเห็นว่า รัฐบาลขว้างงูไม่พ้นคอ เป็นการโยกหนี้เท่านั้น”
นโยบายนี้ มุ่งไปที่กลุ่มคนไม่มีหลักทรัพย์กู้ยืม จึงไม่มีผลกระทบต่อ เอส เอ็น เอ็ส ลิสซิ่ง เพราะ เราไม่ใช่แก๊งเก็บดอกโหด ทวงหนี้รายวัน
เขายืนยันว่า วันนี้ เอส เอ็น เอ็ส ลิสซิ่ง ไม่สามารถเก็บดอกเบี้ยเกินตามกฎหมายกำหนด แต่คนมองว่า ค้าดอกเบี้ยกำไรเห็นๆ แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ธุรกิจอื่นเขาสามารถทำกำไรได้ 200-300% เพียงแต่คนไม่รับรู้ ทราบเพียงแต่ ธุรกิจนำดอกเบี้ยถูก มาปล่อยแพง คือ ค้ากำไรเกินควร