xs
xsm
sm
md
lg

การเริ่มต้นลงทุนในหลักทรัพย์ (ตอน 10)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.กิตติพันธ์ คงสวัสดิ์เกียรติผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสาทรธานี
ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจไซเบอร์ (RSU Cyber University)
และผู้จัดการโครงการหลักสูตร MBA มหาวิทยาลัยรังสิต


ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) มากจากรากศัพท์ภาษาอังกฤษที่ว่า Derive ซึ่งแปลว่า “ขึ้นอยู่กับ” จึงแปลเป็นภาษาไทยที่ว่า “อนุ” ที่หมายความว่า น้อย หรือตาม และตามด้วยคำว่า “พันธ์” ซึ่งแปลว่าการก่อกำเนิด ดังนั้นตราสารอนุพันธ์ จึงมีความหมายว่า ตราสารทางการเงินที่ก่อกำเนิดจาก อ้างอิงจาก หรือผันแปรตามสินทรัพย์อ้างอิง โดยทั่วไปตราสารอนุพันธ์จะมีมูลค่าขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) หรือตัวแปรอ้างอิงอื่น ๆ (Underlying Variable)
สินทรัพย์ที่อ้างอิง อาจเป็นตราสารทางการเงิน เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พันธบัตร ตั๋วเงิน หุ้นสามัญ ฯลฯ หรืออาจเป็นสินค้าหรือสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น น้ำมัน ข้าว บ้าน รถยนต์ ฯลฯ ตามแต่ที่ตราสารอนุพันธ์นั้นได้กำหนดไว้ ว่าเป็นการอ้างอิงถึงสินทรัพย์ใด

ตัวอย่างของอนุพันธ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้น เช่น สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน ซึ่งปกติการซื้อขายบ้านและที่ดินเป็นการทำสัญญาจะซื้อจะขายกัน โดยผู้ซื้อทำการวางเงินมัดจำจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้ขาย เช่น บ้านมีราคา 3,000,000 บาท ผู้ซื้อได้ตกลงที่จะวางเงินมัดจำจำนวน 500,000 บาทในวันทำสัญญา และจะมีการส่งมอบบ้านกันในอนาคต เช่น อีก 6 เดือนข้างหน้า ในระหว่างสัญญานั้นผู้ซื้อก็จะดำเนินการขอกู้เงินจากธนาคาร เพื่อนำมาซื้อบ้านและที่ดินดังกล่าว หากธนาคารอนุมัติเงินกู้ ผู้ซื้อก็จะนำเงินมาชำระค่าบ้านตามสัญญา หรือหากผู้ซื้อไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ ผู้ซื้อก็จะไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ผู้ขายก็จะยึดเงินมัดจำไป หรือหากผู้ซื้อสามารถขายสัญญาดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นได้ ผู้ซื้อก็จะได้รับเงินค่ามัดจำคืน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาที่ผุ้ซื้อสามารถที่จะขายสัญญาจะซื้อจะขายได้ หากราคาบ้านมีราคาสูงขึ้นในระหว่างเวลา 6 เดือน สัญญาดังกล่าวอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และถ้าราคาบ้านมีราคาลดลงในระหว่าง 6 เดือน สัญญาดังกล่าวอาจมีมูลค่าลดลง

สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินดังกล่าว เป็นตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่ง เพราะสัญญาดังกล่าวสามารถเปรียบได้เสมือนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งถูกนับเป็นหนึ่งในตราสารอนุพันธ์ คือ เป็นการตกลงกันล่วงหน้าเพื่อทำการซื้อขายบ้านกันในอนาคต โดยอาจมีการวางเงินมัดจำเป็นบางส่วนในปัจจุบัน และจะชำระค่าสินค้าหรือค่าบ้านและที่ดินที่เหลือในอนาคต โดยที่สัญญาดังกล่าวอาจมีราคาสูงขึ้นหรือลดลงก็ได้ หากราคาบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) เกิดมีราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระหว่างสัญญา

ประโยชน์โดยทั่วไปของการมีและใช้ตราสารอนุพันธ์ คือ ประโยชน์ของการสะท้อนถึงราคาสินค้าในอนาคต ตัวอย่างเช่น สินค้าประเภทยางแผ่นรมควันชั้น 3 หากไม่มีระบบการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยแล้ว การซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 คงต้องเป็นไปตามระบบดั้งเดิม ก็คือการผลิตแล้วรอขาย ซึ่งผู้ผลิตก็จะไม่ทราบว่าสินค้าของตนนั้นจะขายได้เมื่อใด จำนวนเท่าใด และราคาเท่าใด และฝ่ายผู้ซื้อเองก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันว่า จะซื้อสินค้าดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการหรือไม่ และจะซื้อได้ในราคาใด

ด้วยการที่มีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย จึงทำให้ความกังวลใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าเกษตรหมดไป คือ ฝ่ายผู้ขายก็จะทราบถึงมูลค่าที่ตนเองจะได้รับจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และผู้ซื้อก็จะได้รับทราบถึงราคาในอนาคตว่าจะซื้อได้ในราคาใด เมื่อผู้ผลิตทราบว่าราคาสินค้าจะขายได้เท่าใด จำนวนเท่าใด ในอนาคต ผู้ผลิตก็จะจำการผลิตตามจำนวนที่ตนสามารถขายได้ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายทราบว่าราคาในอนาคตจะเป็นอย่างไร เป็นการสะท้อนราคาในอนาคตของสินค้าเกษตร

ประโยชน์ประการที่สอง ของการมีตราสารอนุพันธ์ คือ การใช้ในการป้องกันความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ผู้นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ โดยมีสินค้าจำนวน 1,000 ชิ้น ๆ ละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนในวันนี้เท่ากับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และผู้ขายให้ชำระค่าสินค้าในอีก 2 เดือนข้างหน้า ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้นำเข้าสินค้ารายนี้ คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะถ้าหากอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนไปเป็น 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ผู้นำเข้าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนทันที

ดังนั้นการป้องกันความเสี่ยงของผู้นำเข้ารายนี้ สามารถทำได้โดยการทำสัญญาซื้อดอลลาร์ล่วงหน้าจากธนาคาร โดยทำการตกลงอัตราแลกเปลี่ยนกันล่วงหน้า เช่น กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับอีกสองเดือนข้างหน้าในอัตรา 36 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ การทำเช่นนี้เป็นการป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้นำเข้าสินค้า ในการที่จะต้องชำระเงินในอนาคต เป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

ประโยชน์ประการสุดท้าย คือ การนำเอาตราสารอนุพันธ์ไปใช้ในการเก็งกำไร บุคคลที่มีความสำคัญที่สุดของกลไกในระบบตลาดตราสารอนุพันธ์ หรือตลาดซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านี้ คือ นักเก็งกำไร เพราะนักเก็งกำไรจะทำให้ตลาดอนุพันธ์มีสภาพคล่องสูง ราคาไม่เป็นไปเกินมากกว่าความเป็นจริง นักเก็งกำไรเป็นผู้ที่ต้องการได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาอนุพันธ์ ไม่ได้เป็นผู้ที่จะต้องการใช้ประโยชน์จากสินค้าหรือตราสารทางการเงินที่ระบุไว้ในสัญญา
กำลังโหลดความคิดเห็น