อุบลราชธานี - นายกฯ กัมพูชาทำได้แค่โฉบมาเปิดใช้ถนนตัดใหม่จากเมืองจอมกระสานเข้าไทยที่สามเหลี่ยมมรกต แต่ไม่กล้าเหยียบแผ่นดินไทย แค่ส่งเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น เจรจาขอความช่วยเหลือไทยช่วยรักษาชาวกัมพูชาที่เจ็บป่วย พร้อมร่วมจัดแข่งขันกีฬาแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ต่อกันเท่านั้น
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่ช่องบก บ้านโดมประดิษฐ์ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี นายวิโรฒ มีแก้ว รอง ผวจ.อุบลราชธานี นายอิทธิพร บุญประคอง รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กองกำลังสุรนารี (กกล.) พ.อ.นิรุทธ์ เกตุศิริ ผบ.ฉก.กรมทหารราบที่ 16 ได้ไปรอพบปะกับผู้แทนฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางมาเปิดใช้ถนนตัดใหม่จากเมืองจอมกระสาน จ.พระวิหาร มาที่สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งสามเหลี่ยมรกต เป็นรอยต่อพรมแดน 3 ประเทศคือ ไทย ลาว และกัมพูชา ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก เขตบ้านโดมประดิษฐ์ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน
กระทั่งถึงเวลา ฝ่ายกัมพูชามี พล.ท.ซอ ทาวี รอง ผวจ.พระวิหาร และ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 เดินทางมาพบกับตัวแทนฝ่ายไทย ซึ่งรออยู่ในศาลาตรีมุขตรงจุดรอยต่อ 3 ประเทศ เพื่อร่วมรับประทานอาหารเที่ยงและเจรจาหารือด้านความร่วมมือ โดยให้ผู้สื่อข่าวรออยู่ที่ฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ของหน่วยทหารพราน ซึ่งอยู่ห่างจากศาลาตรีมุขราว 2 กิโลเมตร การเจรจาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตัวแทนกัมพูชาและไทย จึงได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ
นายวิโรฒ มีแก้ว รอง ผวจ.อุบลราชธานี กล่าวถึงหัวข้อการเจรจาวันนี้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในระดับท้องถิ่น โดยจะมีการจัดแข่งขันกีฬา รวมทั้งการละเล่นต่างๆร่วมกันในอนาคต และฝ่ายกัมพูชายังได้ร้องขอฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับผู้ป่วยที่เป็นชาวกัมพูชาซึ่งจะเดินทางข้ามแดนเข้ามาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลฝั่งไทย เนื่องจากกัมพูชาไม่มีสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ซึ่งฝ่ายไทยได้ตอบรับยินดีให้การช่วยเหลือ
นายวิโรฒกล่าวอีกว่า การหารือครั้งนี้ ไม่มีการพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ระดับนโยบาย มีแต่หารือเฉพาะในส่วนท้องถิ่นเท่านั้น และสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ไม่ได้เดินทางเข้ามาบริเวณสามเหลี่ยมมรกต เพียงแต่เป็นประธานเปิดใช้ถนนและเยี่ยมเยียนประชาชนชาวกัมพูชาในเขตเมืองจอมกระสานเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศรอบรอยต่อสามเหลี่ยมมรกต ว่ามีการวางกำลังรักษาการณ์ตามแนวชายแดนทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาอย่างคึกคัก แต่ไม่มีบรรยากาศของความตึงเครียดของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด