บุรีรัมย์ - ตร.บุกจับกุมดำเนินคดี 3 แกนนำ ที่นำชาวบ้านและเกษตรกรกลุ่มเครือข่ายสภาปชช. 4 ภาค เข้ายึดป่าสงวนฯ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ฐานร่วมกันหลอกลวงและบุกรุกป่าสงวนฯ ท่ามกลางชาวบ้านมารอให้กำลังใจหน้าโรงพักกว่า 50 คน ล่าสุดกำลังจนท.ผลักดันมวลชนออกจากป่าหมดแล้ว ขณะผู้ว่าฯ เตือนปชช.อย่าหลงเชื่อกลุ่มแกนนำหลอกลวงเรียกเก็บเงินพาบุกยึดที่ป่าสงวนฯ เป็นที่ทำกิน ลั่นดำเนินคดีเอาผิดตามกม.อย่างเด็ดขาด
วันนี้ ( 27 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้จับกุมตัว นายสมร ผลเกิด ประธานเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ อ.บ้านกรวด ,นางปิยะพร คำสะสม และ นางไพฑูรย์ มีพวงผล 3 แกนนำ ที่ได้นำชาวบ้านและกลุ่มเกษตรกรสมาชิกเครือข่ายสภาประชาชน 4 ภาค กว่า 500 คน ที่อ้างไม่มีที่ทำกิน เข้าไปบุกยึดพื้นที่ป่าสระสาม บ.ราษฎร์รักแดน ต.หนองแวง อ.ละหานทราย ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา และเป็นเขตรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวานที่ผ่านมา โดยอ้างว่าจะเข้าไปปักหลักทำกินในพื้นที่ป่าดังกล่าว รวมทั้งเป็นแนวกันชนปกป้องผืนแผ่นไทยไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาลุกล้ำครอบครอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งมาสอบสวนพบว่ากลุ่มแกนนำ มีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวง รวมทั้งเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมแกนนำทั้ง 3 คน มาดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวน”ส่วนชาวบ้านที่เข้าไปบุกรุกป่าได้ถูกเจ้าหน้าที่ผลักดันออกมาจากพื้นที่ทั้งหมดแล้ว
ขณะนี้แกนนำทั้ง 3 อยู่ในระหว่างการใช้หลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวคนละ 200,000 บาท ท่ามกลางชาวบ้านที่มารอให้กำลังใจอยู่บริเวณหน้า สภ.ละหานทราย กว่า 50 คน ขณะที่กำลังทหารพรานที่ 26 พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกว่า 200 นาย ยังคงตรึงกำลังอยู่ภายในป่าอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกเข้าป่าสงวนดังกล่าว
ทางด้านนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวถึงกรณีที่ชาวบ้านกว่า 500 คน เข้าไปบุกยึดพื้นที่ป่าสระสาม บ.ราษฎร์รักแดน ต.หนองแวง อ.ละหานทรายว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พร้อมทั้งได้แจ้งเตือนประชาชนอย่าไปหลงเชื่อ หากพบแกนนำหรือกลุ่มบุคคล ที่มีพฤติกรรมหลอกลวงเรียกรับเงินค่าดำเนินการต่างๆ โดยอ้างจะพาไปจับจองที่ดินทำกิน ในพื้นที่ป่าสงวน หรือที่ป่าสาธารณะต่างๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ขอให้ประชาชนที่ถูกหลอกเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือร้องเรียนกับทางจังหวัดฯเพื่อจะได้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างเด็ดขาดต่อไป
“การแอบอ้างของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ที่จะพาชาวบ้านเข้าไปบุกยึดจับจองพื้นที่ป่าสงวนและที่ป่าสาธารณะเป็นที่ทำกินนั้น ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ได้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว หากยังฝ่าฝืนก็จะถูกดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น” นายพีระศักดิ์ กล่าว